นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้พบมีคนไทยไปรักษาโรคมะเร็งด้วยการฝังแร่ไอโอดีน 125 ที่ประเทศจีน แต่ไม่ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ทำให้กังวลเรื่องการแผ่กัมมันตภาพรังสีสู่ญาติ คนใกล้ชิด และบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้นขอให้มารายงานตัว และตรวจวัดค่ารังสีที่โรงพยาบาลได้ ขณะเดียวกันกระทรวงจะทำหนังสือขอคำปรึกษาไปยังองค์การอนามัยโลก เพื่อขอคำแนะนำเรื่องการดูแลกัมตภาพรังสีในการรักษาโรคอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งทำหนังสือถึงกระทรวงสาธารณสุขของจีน ให้เฝ้าระวังสถานพยาบาลภายในประเทศให้ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งขอทราบจำนวน และรายชื่อคนไทยที่ไปรับการฝังแร่ดังกล่าว ส่วนการฝังแร่รักษาโรคในประเทศไทยขณะนี้ ทั้งรัฐ เอกชน และโรงเรียนแพทย์ รวมทั้งหมด 22 แห่ง
ด้าน นพ.ประเสริฐ เลิศสงวนสินชัย นายกสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้ป่วยที่ไปฝังแร่ที่ประเทศจีน มารับการตรวจแล้วประมาณ 40 คน พบว่าฝังแร่สูงถึง 80 เม็ด เกินมาตรฐานที่กำหนดให้ฝังได้ไม่เกิน 60 เม็ด ทำให้มีกัมมันตภาพรังสีแผ่ออกมาเกินมาตรฐาน 20-40 เท่า และยังพบฝังแร่รักษามะเร็งอวัยวะอื่น ๆ ที่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่ารักษาได้ โดยเฉพาะช่องท้อง ทำให้มีผลแทรกซ้อน เช่น ทำลายเซลล์เนื้อเยื้อชนิดดี ทำลายหลอดเลือด กระเพาะทะลุ ล่าสุดพบเด็ก 2 ขวบ ที่ไปฝังแร่ที่สมองกลับมารักษาที่ รพ.รามาฯ ด้วย ทั้งนี้หากได้รับรังสีสะสมเป็นเวลานาน จะทำให้เป็นมะเร็งชนิดอื่น ๆ และเกิดการเปลี่ยนสารพันธุกรรม ดังนั้นการฝังแร่ที่ประเทศจีน จึงไม่น่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสม
นายกิตติศักดิ์ ชินอุดมทรัพย์ รองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (สป.) กล่าวว่า การฝังแร่รักษาโรคที่ประเทศจีนถือว่าผิดมาตรฐานตามที่ สป.กำหนด เพราะ 1. ให้ผู้ป่วยออกจาก รพ.เร็วเกินไป ทั้งๆ ที่ปริมาณรังสียังไม่ลด โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์แรกห้ามเข้าใกล้หญิงตั้งครรภ์และเด็ก เพราะมีผลต่อเนื้อเยื่อและพัฒนาการ ไม่มีการออกบัตรแสดงตัวว่าเป็นผู้ฝังแร่ ไม่ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ไม่มีเสื้อตะกั่วกันรังสีแพร่กระจาย
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้พบปัญหามีหน่วยงานจัดหาลูกค้าไปรับบริการฝังแร่ที่ประเทศจีน และเคยมีการร้องเรียนเรื่องนี้มา 2 กรณี ว่า มีแพทย์เกี่ยวข้องอยู่ 2 กรณี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมวิชาชีพหรือไม่
ด้าน นพ.ประเสริฐ เลิศสงวนสินชัย นายกสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้ป่วยที่ไปฝังแร่ที่ประเทศจีน มารับการตรวจแล้วประมาณ 40 คน พบว่าฝังแร่สูงถึง 80 เม็ด เกินมาตรฐานที่กำหนดให้ฝังได้ไม่เกิน 60 เม็ด ทำให้มีกัมมันตภาพรังสีแผ่ออกมาเกินมาตรฐาน 20-40 เท่า และยังพบฝังแร่รักษามะเร็งอวัยวะอื่น ๆ ที่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่ารักษาได้ โดยเฉพาะช่องท้อง ทำให้มีผลแทรกซ้อน เช่น ทำลายเซลล์เนื้อเยื้อชนิดดี ทำลายหลอดเลือด กระเพาะทะลุ ล่าสุดพบเด็ก 2 ขวบ ที่ไปฝังแร่ที่สมองกลับมารักษาที่ รพ.รามาฯ ด้วย ทั้งนี้หากได้รับรังสีสะสมเป็นเวลานาน จะทำให้เป็นมะเร็งชนิดอื่น ๆ และเกิดการเปลี่ยนสารพันธุกรรม ดังนั้นการฝังแร่ที่ประเทศจีน จึงไม่น่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสม
นายกิตติศักดิ์ ชินอุดมทรัพย์ รองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (สป.) กล่าวว่า การฝังแร่รักษาโรคที่ประเทศจีนถือว่าผิดมาตรฐานตามที่ สป.กำหนด เพราะ 1. ให้ผู้ป่วยออกจาก รพ.เร็วเกินไป ทั้งๆ ที่ปริมาณรังสียังไม่ลด โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์แรกห้ามเข้าใกล้หญิงตั้งครรภ์และเด็ก เพราะมีผลต่อเนื้อเยื่อและพัฒนาการ ไม่มีการออกบัตรแสดงตัวว่าเป็นผู้ฝังแร่ ไม่ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ไม่มีเสื้อตะกั่วกันรังสีแพร่กระจาย
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้พบปัญหามีหน่วยงานจัดหาลูกค้าไปรับบริการฝังแร่ที่ประเทศจีน และเคยมีการร้องเรียนเรื่องนี้มา 2 กรณี ว่า มีแพทย์เกี่ยวข้องอยู่ 2 กรณี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมวิชาชีพหรือไม่