ตามปกติร่างกายผู้ใหญ่จะต้องการน้ำประมาณวันละ 1.5-2ลิตร หมายความว่าถ้าดื่มน้ำแค่วันละลิตร จะทำให้ขาดน้ำถึงร้อยละ 30-50 เมื่อน้ำขาดหายไปร้อยละ 30 ไม่ได้หมายความว่าอวัยวะและเซลล์ทุกส่วนในร่างกายจะเฉลี่ยกันขาดน้ำ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ร่างกายจะส่งน้ำไปตามอวัยวะต่างๆ ตามลำดับความสำคัยต่อการดำรงชีพ กังนั้น หากน้ำหายไปร้อยละ 30 เซลล์ที่ถูกจัดความสำคัญอยู่ในลำดับท้ายๆ ก็จะอยู่ในภาวะขาดน้ำ เพราะอวัยวะสำคัญอย่างสมองหรือหัวใจมีผลต่อชีวิตโดยตรงหากเกิดปัญหา แต่ถ้าร่างกายขาดแขนขาไปข้างหนึ่งก็ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต ดังนั้น เมื่อขาดน้ำร่างกายจึงจำกัดการไหลของเลือดไปยังเส้นรอบนอก และจะส่งน้ำไปให้ส่วนที่สำคัญกว่าก่อน นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาระดับความดันของเลือดที่ข้นขึ้นจากการขาดน้ำให้คงที่ด้วย เมื่อการไหลเวียนของเลือดลดลง นอกจากจะทำให้การลำเลียงสารอาหารและออกซิเจรไปยังเซลล์ต่างๆ ติดขัดแล้ว ยังทำให้ไม่สามารถขับสารพิษออกจากเซลล์ได้ด้วย
ร่างกายของมนุษย์มีกลไกที่ช่วยให้ทนต่อความหิวโหยจากการขาดอาหารและน้ำได้ในระดับหนี่ง ถ้าขาดเพียงเล็กน้อยเซลล์ก็ยังไม่ตายในทันที แต่ถ้าขาดน้ำติดต่อกันนานๆ เซลล์จะไม่สามารถสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าได้ ทั้งยังทำงานไม่เต็มที่อีกด้วย เซลล์ที่ไม่สามารถขับสารพิษออกได้แบะทำงานได้ไม่เต็มที่นี้ จะเกิดความผิดปกติในหน่วยพันธุกรรมและอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
บางคนอาจไม่เชื่อว่าการได้รับน้ำไม่พอ จะมีอันตรายถึงกับทำให้เป็นมะเร็ง แต่นี่เป็นเรื่องจริง มีชายชาวญี่ปุ่นวัย 23 ปีจากนครชิคาโกมาขอคำแนะนำเรื่องการรักษา เขาเป็นมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะ และต้องทนทรมานกับการกลืนอาหารไม่ค่อยได้ ประสบการณ์ในการรักษาทำให้ผมสงสัยว่าเขาน่าจะขาดน้ำ จึงลองถามว่า “คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว” เขาตอบว่า “น้ำน่ะ ผมดื่มมากกว่าคนอื่นเสียอีก” แต่ผิวเขากลับดูหยาบกร้าน เลือดก็ไหลเวียนไม่ดีและจากผลการตรวจดูเซลล์ด้วยกล้องจึลทรรศน์ก็พบว่าเซลล์อยู่ในภาวะขาดน้ำ ผมจึงถามอย่างละเอียดขึ้นอีกว่าในแต่ละวันกินอะไรบ้าง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้รู้ว่า เขาไม่เคยดื่มน้ำเปล่าเลย สิ่งที่เขาดื่มก็คือน้ำอัดลมในขวดพลาสติกเพ็ต ซึ่งมีสารกาเฟอีนที่มีฤทธิ์ขับน้ำออกจากร่างกายอยู่มากด้วย เขาดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ทุกวัน วันละ 7-8 ขวด
“น้ำ” กับ “ส่วนประกอบอื่นๆ ในน้ำ นั้นเป็นคนละเรื่องกัน และสิ่งที่ร่างกายก็คือน้ำไม่ใช่สารอื่น
การซักประวัติด้านการกินกับความเจ็บป่วยของคนไข้ ช่วยให้ผมรู้ว่าการได้รับน้ำอย่างเพียงพอมีความสำคัญแค่ไหน คนที่เป็นโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักดื่มน้ำน้อย ผมมักจะแนะนำให้คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดโรคมะเร็งให้ปฏิบัติตามเคล็ดลับเจ็ดประการเพื่อสุขภาพแข็งแรง ซึ่งเน้นย้ำให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาเป็นซ้ำในภายหลัง
สำหรับคนแข็งแรงดีควรดื่มน้ำวันละ 1.5-2ลิตร ส่วนคนเป็นมะเร็งถ้าไม่มีโรคเกี่ยวกับไตให้ดื่มวันละ 2-3 ลิตร การที่คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดจากผมมีอัตราการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำต่ำ อาจเป็นเพราะปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวหลังฟื้นไข้ก็เป็นได้
ในสหรัฐอเมริกามีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกมากมายหลายวิธี เอนไซม์บำบัดที่ผมนำเสนอก็เป็นหนึ่งในนั้น ในบรรดาวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกที่กำลังนิยมกันอยู่นั้น ก็มีบางทฤษำให้ความสนใจในเรื่องการดื่มน้ำไม่เพียงพอ และการรักษาโรคด้วยการดื่มน้ำ ผู้ที่นำเสนอวิธีรักษาโรคด้วยการดื่มน้ำ คือ เฟรีดูน แบทแมนเกลิดจ์ แพทย์ชาวอิหร่านซึ่งมีบทบาทสำคัญในสหรัฐอเมริกา เขาทำการวิจัยทางการแพทย์ว่าน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์อย่างไร และออกมายืนยันว่า ความเจ็บปวดเกือบทั้งหมดขอคนในปัจจุบัน มีสาเหตุมาจากเซลล์ในร่างกายขาดน้ำเรื้อรังเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถสร้างเซล์ใหม่แทนเซลล์เก่าได้อย่างเต็มที่ หนังสือเขาเป็นหนังสือขายดีในสหรัฐอเมริกา เขาทำการวิจัยทางการแพทย์ว่าน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์อย่างไร และออกมายืนยันว่า ความเจ็บป่วยเกือบทั้งหมดของคนในปัจจุบัน มีสาเหตุมาจากเซลล์ในร่างกายขาดน้ำเรื้อรังเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถสร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าได้อย่างเต็มที่ หนังสือของเขาเป็นหนังสือขายดีในสหรัฐอเมริกา วิธีการรักษาโรคด้วยการดื่มน้ำของเขาสามารถช่วยคนจำนวนมากที่ทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อรัง ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ดังกล่าวได้
ผมเองก็เคยอ่ารหนังสือของเขา และเห็นด้วยอย่างมากกับเรื่องที่ว่าถ้าเซลล์ขาดน้ำจะทำให้ร่างกายเกิดปัญหามากมาย แต่ในบางประเด็นก็ไม่อาจทำใจให้คล้อยตามได้ เช่นว่าความเจ็บป่วยทั้งหลายล้วนมีสาเหตุมาจากการขาดน้ำทั้งสิ้น เพราะผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมหรือทำให้เจ็บป่วยไม่ได้มีแค่อย่างเดียว
เคล็บลับ 7 ประการเพื่อสุขภาพแข็งแรงของผม ทั้งในเรื่องการกินอาหาร การดื่มน้ำ การขับถ่าย การหายใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับและการรักษาสุขภาพจิตจะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหมด เช่น ต่อให้กินอาหารดีๆ อย่างสมดุลแค่ไหน ถ้าไม่ดื่มน้ำให้เพียงพอก็ไม่เกิดประสิทธิผล
ข้อมูล : หนังสือกินอยู่อย่างไรให้อ่อนวัยตลอดกาล สำนักพิมพ์ ซีเอ็ดยูเคชั่น, บมจ.