ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ในเดือนหน้า บวกกับการออกมากล่าวของ ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐ ว่า กรีซจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อที่จะนำความมั่นคงทางการเงิน และกรีซต้องเริ่มต้นการปฏิรูป โดยเตรียมออกกฏหมาย การจัดเก็บภาษี ลดข้าราชการ, ปรับด้านแรงงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐได้หนุนความเป็นไปได้ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 279.47 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 17,826.30 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี ลดลง 23.81 จุด หรือ -1.13% ปิดที่ 2,081.18 จุด แนสแด็ก ลดลง 72.91 จุด หรือ -1.52% ปิดที่ 4,931.82 จุด
ปัญหาหนี้กรีซและข้อมูลแสดงราคาผู้บริโภคสหรัฐ เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น และการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผลักให้นักลงทุนหันมาช้อนซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อความปลอดภัย และช่วยดันให้ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(17เม.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย
โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,203.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับตัวลดลงวันแรกหลัง 6 วันที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกระแสข่าว โอเปก เตรียมเพิ่มกำลังการส่งออกอีกครั้ง
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 97 เซนต์ ปิดที่ 55.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 63.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตลาดพุ่งเป้าไปกรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯที่ยังคงปฏิบัติการมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ อันเป็นสัญญาณกำลังผลิตที่ลดลงในอเมริกา เช่นเดียวกับคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยลง
แต่ความเคลื่อนไหวในวันศุกร์(17เม.ย.) นักวิเคราะห์ชี้ว่ายังพบเห็นผลผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ของโอเปก ซึ่งจะซ้ำเติมภาวะอุปทานล้นตลาด ท่ามกลางความคาดหมายว่าในช่วงไตรมาส 2 อุปทานจะเข้าสู่ตลาดเหนือกว่าความต้องการราว 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือมากกว่านั้น
ความเห็นของนักวิเคราะห์มีขึ้นหลัง 12 ชาติสมาชิกโอเปก ระบุในรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(16เม.ย.) ว่ากำลังผลิตของกลุ่มในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 810,000 ต่อวัน เฉลี่ยแล้วเป็น 30.79 ล้านลาร์เบลต่อวัน สูงกว่าโควตาของทางกลุ่ม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 279.47 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 17,826.30 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี ลดลง 23.81 จุด หรือ -1.13% ปิดที่ 2,081.18 จุด แนสแด็ก ลดลง 72.91 จุด หรือ -1.52% ปิดที่ 4,931.82 จุด
ปัญหาหนี้กรีซและข้อมูลแสดงราคาผู้บริโภคสหรัฐ เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น และการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผลักให้นักลงทุนหันมาช้อนซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อความปลอดภัย และช่วยดันให้ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(17เม.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย
โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,203.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับตัวลดลงวันแรกหลัง 6 วันที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกระแสข่าว โอเปก เตรียมเพิ่มกำลังการส่งออกอีกครั้ง
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 97 เซนต์ ปิดที่ 55.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 63.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตลาดพุ่งเป้าไปกรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯที่ยังคงปฏิบัติการมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ อันเป็นสัญญาณกำลังผลิตที่ลดลงในอเมริกา เช่นเดียวกับคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยลง
แต่ความเคลื่อนไหวในวันศุกร์(17เม.ย.) นักวิเคราะห์ชี้ว่ายังพบเห็นผลผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ของโอเปก ซึ่งจะซ้ำเติมภาวะอุปทานล้นตลาด ท่ามกลางความคาดหมายว่าในช่วงไตรมาส 2 อุปทานจะเข้าสู่ตลาดเหนือกว่าความต้องการราว 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือมากกว่านั้น
ความเห็นของนักวิเคราะห์มีขึ้นหลัง 12 ชาติสมาชิกโอเปก ระบุในรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(16เม.ย.) ว่ากำลังผลิตของกลุ่มในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 810,000 ต่อวัน เฉลี่ยแล้วเป็น 30.79 ล้านลาร์เบลต่อวัน สูงกว่าโควตาของทางกลุ่ม
