วันนี้ (15 เม.ย.) นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ มส.ได้เห็นชอบตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการตั้งชื่อวัด ครั้งที่ 1/ 2558 เสนอปรับหลักเกณฑ์การตั้งชื่อวัด อาทิ ให้ตั้งชื่อวัดตามชื่อหมู่บ้าน ตามนโยบายของ มส.โดยให้ตัดคำว่า บ้านออก ยกเว้นชื่อหมู่บ้านที่มีพยางค์เดียว ให้ใช้คำว่า บ้านได้
กรณีเสนอตั้งชื่อวัดตามชื่อภูเขา ถ้ำ หรืออื่นๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปให้พิจารณาตั้งชื่อวัดตามที่เสนอ กรณีเสนอขอตั้งชื่อวัด ตามชื่อสกุลของผู้ที่ยกที่ดินให้สร้างวัด หรือ ระลึกถึงผู้นำในการสร้างวัด ให้พิจารณาตั้งชื่อวัดตามที่ได้เสนอมา ที่ตั้งวัดเป็นที่ดินของส่วนราชการ ถ้าในหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดิน ระบุให้ตั้งชื่อวัดตามชื่อที่ปรากฏในหนังสืออนุญาต ยกเว้นเพื่อความเหมาะสมหรือมีเหตุจำเป็นต้องใช้ชื่ออย่างอื่น เมื่อประกาศตั้งวัดแล้วให้ พศ.หรือ เจ้าอาวาสแจ้งให้ส่วนราชการผู้อออกหนังสืออนุญาตทราบ เป็นต้น
โฆษก พศ.กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเสนอขอตั้งชื่อวัดโดยใช้คำว่า วัดป่านำหน้า ให้พิจารณาว่า อาณาบริเวณที่ดินที่ตั้งวัดมีสภาพเป็นป่าที่ร่มรื่นหรือไม่ หากมีสภาพเป็นป่าที่ร่มรื่นให้พิจารณาใช้ชื่อว่า วัดป่านำหน้า หรือ วนาราม ต่อท้ายได้
นอกจากนี้ ไม่สมควรตั้งชื่อวัดโดยใช้คำว่า วรวราราม หรือ วรารามต่อท้าย เนื่องจากจะไปเหมือนกับสร้อยของพระอารามหลวง ที่สำคัญการตั้งชื่อวัดไม่ควรเกิน 7 พยางค์ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น และเมื่อได้รับการตั้งชื่อตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาและกลั่นกรอง การตั้งชื่อวัดเรียบร้อยแล้ว ให้วัดปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการ ทั้งนี้ พศ.จะแจ้งหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้ให้เจ้าคณะจังหวัด และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ได้รับทราบและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน
กรณีเสนอตั้งชื่อวัดตามชื่อภูเขา ถ้ำ หรืออื่นๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปให้พิจารณาตั้งชื่อวัดตามที่เสนอ กรณีเสนอขอตั้งชื่อวัด ตามชื่อสกุลของผู้ที่ยกที่ดินให้สร้างวัด หรือ ระลึกถึงผู้นำในการสร้างวัด ให้พิจารณาตั้งชื่อวัดตามที่ได้เสนอมา ที่ตั้งวัดเป็นที่ดินของส่วนราชการ ถ้าในหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดิน ระบุให้ตั้งชื่อวัดตามชื่อที่ปรากฏในหนังสืออนุญาต ยกเว้นเพื่อความเหมาะสมหรือมีเหตุจำเป็นต้องใช้ชื่ออย่างอื่น เมื่อประกาศตั้งวัดแล้วให้ พศ.หรือ เจ้าอาวาสแจ้งให้ส่วนราชการผู้อออกหนังสืออนุญาตทราบ เป็นต้น
โฆษก พศ.กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเสนอขอตั้งชื่อวัดโดยใช้คำว่า วัดป่านำหน้า ให้พิจารณาว่า อาณาบริเวณที่ดินที่ตั้งวัดมีสภาพเป็นป่าที่ร่มรื่นหรือไม่ หากมีสภาพเป็นป่าที่ร่มรื่นให้พิจารณาใช้ชื่อว่า วัดป่านำหน้า หรือ วนาราม ต่อท้ายได้
นอกจากนี้ ไม่สมควรตั้งชื่อวัดโดยใช้คำว่า วรวราราม หรือ วรารามต่อท้าย เนื่องจากจะไปเหมือนกับสร้อยของพระอารามหลวง ที่สำคัญการตั้งชื่อวัดไม่ควรเกิน 7 พยางค์ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น และเมื่อได้รับการตั้งชื่อตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาและกลั่นกรอง การตั้งชื่อวัดเรียบร้อยแล้ว ให้วัดปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการ ทั้งนี้ พศ.จะแจ้งหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้ให้เจ้าคณะจังหวัด และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ได้รับทราบและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน
