รัฐสภามาเลเซียเร่งผ่านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับใหม่ซึ่งให้อำนาจแบบครอบจักรวาลแก่เจ้าหน้าที่ปราบปรามเมื่อวันอังคาร (7 เม.ย.) ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตีฆ้องร้องป่าวว่า ผู้ต้องสงสัย 17 คนที่กวาดจับได้เมื่อวันอาทิตย์ (5) มีผ่านมานั้น มีแผนการบุกค่ายทหารและสถานีตำรวจเพื่อชิงอาวุธ รวมทั้งยังจะปล้นธนาคาร และโจมตี “สถานที่ทางยุทธศาสตร์” ในนครหลวงกัวลาลัมเปอร์ ตลอดจนมุ่งหมายที่จะจัดตั้งรัฐอิสลามแบบกลุ่มไอเอสขึ้นในแดนเสือเหลือง
พระราชบัญญัติป้องกันการก่อการร้ายฉบับใหม่ ที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแดนเสือเหลือง ด้วยคะแนน 79 ต่อ 60 เสียง ในเวลาที่ล่วงเลยเข้าสู่วันอังคาร (7) ภายหลังการอภิปรายยาวเหยียด 15 ชั่วโมง มีเนื้อหาให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดก่อการร้ายโดยไม่ต้องตั้งข้อหาส่งฟ้องศาล รวมถึงสามารถระงับหรือเพิกถอนหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยไม่ว่าสัญชาติใด ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนการก่อการร้าย
ภายหลังรัฐบาลเปิดเผยร่างกฎหมายฉบับนี้เมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ตลอดจนกลุ่มเคลื่อนไหวด้านกฎหมายและสิทธิพลเมือง ต่างพากันคัดค้านและเรียกร้องให้ถอนกลับไป โดยเตือนว่า รัฐบาลมาเลเซียที่มีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เป็นแกนนำ และผูกขาดอำนาจมาอย่างยาวนาน จะนำกฎหมายนี้ไปใช้ในทางมิชอบ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตอนที่มีพระราชบัญญัติให้อำนาจครอบจักรวาลแก่เจ้าหน้าที่เช่นนี้
เอ็น. เซอเรนดรัน สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านระบุว่า การอนุญาตให้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไม่มีกำหนดโดยไม่ต้องไต่สวน จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบและถือเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยขั้นรุนแรง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลยืนยันมาตลอดว่า จะไม่นำกฎหมายฉบับนี้ไปจัดการกับมุมมอง “ทางการเมือง” รวมทั้งย้ำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามในการก่อการร้ายที่มีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ทั้งนี้ทางการแดนเสือเหลืองระบุว่า มีพลเมืองมาเลเซียอย่างน้อยหลายสิบคน เดินทางไปเข้าร่วมกับไอเอสเพื่อสู้รบทำสงครามในซีเรียและอิรักด้วยความสมัครใจ
ท่ามกลางการถกเถียงเผ็ดร้อนเกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่นี้ คอลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแดนเสือเหลือง ได้ออกคำแถลงในวันอังคาร (7) ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องสงสัย 17 คนเมื่อวันอาทิตย์ โดยเขาระบุว่า ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ที่มีอายุระหว่าง 14-49 ปี มีแผนลักพาตัวบุคคลสำคัญ บุกสถานีตำรวจและค่ายทหารเพื่อชิงอาวุธ ปล้นธนาคารเพื่อหาเงินมาใช้ซื้ออาวุธจากกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน และทำการก่อการร้ายในเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ ตลอดจนในเมืองปุตราจายา ซึ่งอยู่ชานกัวลาลัมเปอร์และเป็นที่ตั้งศูนย์ราชการของมาเลเซีย ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งรัฐอิสลามในมาเลเซีย และมีไอเอสเป็นต้นแบบ
พระราชบัญญัติป้องกันการก่อการร้ายฉบับใหม่ ที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแดนเสือเหลือง ด้วยคะแนน 79 ต่อ 60 เสียง ในเวลาที่ล่วงเลยเข้าสู่วันอังคาร (7) ภายหลังการอภิปรายยาวเหยียด 15 ชั่วโมง มีเนื้อหาให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดก่อการร้ายโดยไม่ต้องตั้งข้อหาส่งฟ้องศาล รวมถึงสามารถระงับหรือเพิกถอนหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยไม่ว่าสัญชาติใด ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนการก่อการร้าย
ภายหลังรัฐบาลเปิดเผยร่างกฎหมายฉบับนี้เมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ตลอดจนกลุ่มเคลื่อนไหวด้านกฎหมายและสิทธิพลเมือง ต่างพากันคัดค้านและเรียกร้องให้ถอนกลับไป โดยเตือนว่า รัฐบาลมาเลเซียที่มีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เป็นแกนนำ และผูกขาดอำนาจมาอย่างยาวนาน จะนำกฎหมายนี้ไปใช้ในทางมิชอบ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตอนที่มีพระราชบัญญัติให้อำนาจครอบจักรวาลแก่เจ้าหน้าที่เช่นนี้
เอ็น. เซอเรนดรัน สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านระบุว่า การอนุญาตให้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไม่มีกำหนดโดยไม่ต้องไต่สวน จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบและถือเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยขั้นรุนแรง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลยืนยันมาตลอดว่า จะไม่นำกฎหมายฉบับนี้ไปจัดการกับมุมมอง “ทางการเมือง” รวมทั้งย้ำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามในการก่อการร้ายที่มีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ทั้งนี้ทางการแดนเสือเหลืองระบุว่า มีพลเมืองมาเลเซียอย่างน้อยหลายสิบคน เดินทางไปเข้าร่วมกับไอเอสเพื่อสู้รบทำสงครามในซีเรียและอิรักด้วยความสมัครใจ
ท่ามกลางการถกเถียงเผ็ดร้อนเกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่นี้ คอลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแดนเสือเหลือง ได้ออกคำแถลงในวันอังคาร (7) ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องสงสัย 17 คนเมื่อวันอาทิตย์ โดยเขาระบุว่า ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ที่มีอายุระหว่าง 14-49 ปี มีแผนลักพาตัวบุคคลสำคัญ บุกสถานีตำรวจและค่ายทหารเพื่อชิงอาวุธ ปล้นธนาคารเพื่อหาเงินมาใช้ซื้ออาวุธจากกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน และทำการก่อการร้ายในเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ ตลอดจนในเมืองปุตราจายา ซึ่งอยู่ชานกัวลาลัมเปอร์และเป็นที่ตั้งศูนย์ราชการของมาเลเซีย ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งรัฐอิสลามในมาเลเซีย และมีไอเอสเป็นต้นแบบ