ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากทั่วประเทศ จำนวน 1,250 คน เรื่อง "นายกฯ กับสื่อมวลชน" เกี่ยวกับการปะทะคารมระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับผู้สื่อข่าว ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.68 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเกินไป ทำให้เกิดวลีหรือสำนวนที่ไม่รื่นหู รองลงมา ร้อยละ 29.28 ระบุว่า นักข่าวชอบมีคำถามชวนโมโห ร้อยละ 26.08 ระบุ นายกรัฐมนตรีเป็นคนพูดจาโผงผาง เสียงดังเกินไป ทำให้ดูเหมือนชวนทะเลาะ ร้อยละ 17.84 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีโมโหง่ายไปหน่อย ร้อยละ 14.24 ระบุว่า เป็นสีสันของข่าว อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 6.72 ระบุว่า สื่อมวลชนใช้สิทธิเสรีภาพมากเกินไป
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ ประชาชนร้อยละ 31.20 ชื่นชอบรายการดังกล่าวมาก ร้อยละ 33.52 ระบุว่า ค่อนข้างชอบ ร้อยละ 18.24 ระบุว่า ไม่ค่อยชอบ ร้อยละ 11.44 ระบุว่า ไม่ชอบเลย และร้อยละ 5.60 ไม่ระบุ/เฉยๆ
โดยผู้ที่ระบุว่า ค่อนข้างชอบ-ชอบมาก ให้เหตุผลว่า ประชาชนจะได้ทราบถึงการทำงานของรัฐบาล ว่าได้แก้ปัญหา หรือทำอะไรไปบ้างแล้ว และทราบถึงสถานการณ์ทั่วไปของบ้านเมือง ขณะผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยชอบ-ไม่ชอบเลย ให้เหตุผลว่า ใช้ระยะเวลาในการพูดมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นการพูดเรื่องเดิมๆ ซึ่งบางเรื่องเป็นไปได้ยากในการดำเนินการ และเป็นการพูดในช่วงการพักผ่อนหรือการดูละคร/รายการบันเทิงทางโทรทัศน์ของประชาชน ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม
นอกจากนี้ ประชาชนถึงร้อยละ 63.92 เห็นด้วยต่อทางการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยนายกรัฐมนตรีแนะหัวข้อก่อน และให้รัฐมนตรีหมุนเวียนมาออกอากาศชี้แจงการทำงาน เพราะเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ออกมาแถลงผลงาน ประชาชนได้เปิดรับทัศนคติจากหลากหลายมุมมองให้กว้างขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ทำงานโดยตรงน่าจะให้ข้อมูลการทำงาน การแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่า อีกทั้งเป็นการแบ่งเบาภารกิจของนายกรัฐมนตรีด้วย
อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 22.56 ระบุว่า ควรให้นายกรัฐมนตรีพูดคนเดียวเหมือนเดิม เพราะ ชื่นชอบในบุคลิก และความเป็นตัวตนของนายกรัฐมนตรีมากกว่า หากมีการหมุนเวียนหลายคนก็จะเกิดหลากหลายความคิด ดูแล้ววุ่นวาย ไม่มีจุดยืนของรายการ ควรตกลงหารือกันให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยให้นายกรัฐมนตรีออกมาพูดกับประชาชน ขณะเดียวกัน ร้อยละ 2.24 เห็นว่าควรยกเลิกรายการไปเลย หรือลดระยะเวลาการออกอากาศให้สั้นลง ออกอากาศเฉพาะบางช่อง แล้วให้ประชาชนเป็นคนเลือกดูเอง
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ ประชาชนร้อยละ 31.20 ชื่นชอบรายการดังกล่าวมาก ร้อยละ 33.52 ระบุว่า ค่อนข้างชอบ ร้อยละ 18.24 ระบุว่า ไม่ค่อยชอบ ร้อยละ 11.44 ระบุว่า ไม่ชอบเลย และร้อยละ 5.60 ไม่ระบุ/เฉยๆ
โดยผู้ที่ระบุว่า ค่อนข้างชอบ-ชอบมาก ให้เหตุผลว่า ประชาชนจะได้ทราบถึงการทำงานของรัฐบาล ว่าได้แก้ปัญหา หรือทำอะไรไปบ้างแล้ว และทราบถึงสถานการณ์ทั่วไปของบ้านเมือง ขณะผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยชอบ-ไม่ชอบเลย ให้เหตุผลว่า ใช้ระยะเวลาในการพูดมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นการพูดเรื่องเดิมๆ ซึ่งบางเรื่องเป็นไปได้ยากในการดำเนินการ และเป็นการพูดในช่วงการพักผ่อนหรือการดูละคร/รายการบันเทิงทางโทรทัศน์ของประชาชน ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม
นอกจากนี้ ประชาชนถึงร้อยละ 63.92 เห็นด้วยต่อทางการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยนายกรัฐมนตรีแนะหัวข้อก่อน และให้รัฐมนตรีหมุนเวียนมาออกอากาศชี้แจงการทำงาน เพราะเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ออกมาแถลงผลงาน ประชาชนได้เปิดรับทัศนคติจากหลากหลายมุมมองให้กว้างขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ทำงานโดยตรงน่าจะให้ข้อมูลการทำงาน การแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่า อีกทั้งเป็นการแบ่งเบาภารกิจของนายกรัฐมนตรีด้วย
อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 22.56 ระบุว่า ควรให้นายกรัฐมนตรีพูดคนเดียวเหมือนเดิม เพราะ ชื่นชอบในบุคลิก และความเป็นตัวตนของนายกรัฐมนตรีมากกว่า หากมีการหมุนเวียนหลายคนก็จะเกิดหลากหลายความคิด ดูแล้ววุ่นวาย ไม่มีจุดยืนของรายการ ควรตกลงหารือกันให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยให้นายกรัฐมนตรีออกมาพูดกับประชาชน ขณะเดียวกัน ร้อยละ 2.24 เห็นว่าควรยกเลิกรายการไปเลย หรือลดระยะเวลาการออกอากาศให้สั้นลง ออกอากาศเฉพาะบางช่อง แล้วให้ประชาชนเป็นคนเลือกดูเอง
