รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่พระอุโบสถ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้ง สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นแม่กองงานพระธรรมทูต พระวิสุทธิวงศาจารย์ เป็นเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ พระเทพกิตติเวที เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นประธานคณะพระธรรมจาริก และพระสังฆาธิการในระดับต่างๆ รวม 36 รูป
โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า การรับภาระพระพุทธศาสนานั้น ไม่ได้ทำได้ง่าย ต้องอาศัยความมีน้ำใจของพระมหาเถระทุกรูป ที่จะช่วยกันจรรโลง รักษาสืบต่อพระพุทธศาสนา และขออนุโมทนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่สนับสนุนทำงานคณะสงฆ์ ทั้งนี้ การปกครองคณะสงฆ์จะต้องมีผู้รับสนองงานตามลำดับชั้น เพื่อให้งานคณะสงฆ์ดำเนินไปได้ เจ้าคณะปกครองและพระสังฆาธิการ จงประคองศีล รักษาสามัคคี จงระวังสตรีและสตางค์ ซึ่งคุณธรรมทั้ง 3 ประการนี้ จะเป็นเครื่องนำทางให้การทำงานสำเร็จลุล่วง ที่สำคัญคณะสงฆ์จะต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคีกัน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบสุข ในการปกครองคณะสงฆ์และสังคม หากแตกความสามัคคีกันก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ให้ทุกฝ่ายช่วยกันส่งเสริม เพื่อเป็นหลักประกันสังคมให้แก่ต่อไปด้วย
พระพรหมเมธี(จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมส. กล่าวว่า จากการที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ลาออกจากตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ พร้อมเสนอแต่งตั้งให้ พระวิสุทธิวงศาจารย์ (วิเชียร อโนมคุโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เจ้าคณะภาค 7 (เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน) ขึ้นดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่หนเหนือแทน ผลให้ ตำแหน่งเจ้าคณะภาค 7 ว่างลงนั้น ที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มีมติเห็นชอบตั้ง พระพรหมเสนาบดี(พิมพ์ ญาณวีโร) อายุ 70 ปี พรรษา 49 วิทยาฐานะป.ธ.7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา รองเจ้าคณะภาค 7 ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 7 ตามที่พระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือเสนอ โดยอาศัยกฎมส. ฉบับที่ 24 พ.ศ. 2541 ว่าการแต่งตั้งและถอดถอนพระสังฆาธิการ นอกจากนี้ มส.ยังมีมติแต่งตั้ง พระศรีคัมภีรญาณ(สมจิน สัมมาปญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) เป็นเลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวงด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งเจ้าคณะภาค 7 ถือเป็นตำแหน่งสำคัญของการปกครองคณะสงฆ์หนเหนือ เนื่องจากประกอบด้วย 3 จังหวัดสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รองจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งการขยับตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7 ขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 7 นั้น จะส่งผลให้รองเจ้าคณะภาค 7 จากจำนวน 2 ตำแหน่งว่างลงอีก 1 ตำแหน่ง โดยรองเจ้าคณะภาค 7 รูปที่ 2 ในปัจจุบัน ได้แก่ พระธรรมเสนาบดี (ธงชัย สุวณฺณสิริ) วัดพระธาตุดอยสุเทพ จะขยับขึ้นเป็นรองเจ้าคณะภาค 7 อันดับ 1 ในขณะเดียวกัน พระเทพโกศล เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ จะเกษียณอายุครบ 80 ปี บริบูรณ์ ในวันที่ 11 เม.ย.2558 และถูกยกเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด จะส่งผลให้ ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ว่างลงอีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งคงจะต้องรอดูว่า เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ จะเลือกพระสงฆ์รูปใดที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งให้งานบริหารคณะสงฆ์หนเหนือต่อไป
สำหรับระบบเกษียณอายุ พระสังฆาธิการระดับรองเจ้าคณะภาค - เจ้าคณะภาค, รองเจ้าคณะจังหวัด - เจ้าคณะจังหวัด, รองเจ้าคณะอำเภอ - เจ้าคณะอำเภอ, รองเจ้าคณะตำบล -เจ้าคณะตำบล กฎมส.ฉบับที่ 24 ได้กำหนดไว้ว่า เมื่ออายุครบ 80 ให้ยกเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะในชั้นนั้น ๆ แต่มส.อาจให้ต่ออายุไปได้อีกไม่เกิน 3 ปี ตามความเหมาะสม ส่วนตำแหน่งเจ้าอาวาส และเจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ ประกอบด้วย หนเหนือ หนตะวันออก หนใต้ และหนกลาง ดำรงตำแหน่งได้จนมรณภาพ นอกจากจะขอลาออก หรือถูกปลดออก จากตำแหน่งดังกล่าว
โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า การรับภาระพระพุทธศาสนานั้น ไม่ได้ทำได้ง่าย ต้องอาศัยความมีน้ำใจของพระมหาเถระทุกรูป ที่จะช่วยกันจรรโลง รักษาสืบต่อพระพุทธศาสนา และขออนุโมทนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่สนับสนุนทำงานคณะสงฆ์ ทั้งนี้ การปกครองคณะสงฆ์จะต้องมีผู้รับสนองงานตามลำดับชั้น เพื่อให้งานคณะสงฆ์ดำเนินไปได้ เจ้าคณะปกครองและพระสังฆาธิการ จงประคองศีล รักษาสามัคคี จงระวังสตรีและสตางค์ ซึ่งคุณธรรมทั้ง 3 ประการนี้ จะเป็นเครื่องนำทางให้การทำงานสำเร็จลุล่วง ที่สำคัญคณะสงฆ์จะต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคีกัน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบสุข ในการปกครองคณะสงฆ์และสังคม หากแตกความสามัคคีกันก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ให้ทุกฝ่ายช่วยกันส่งเสริม เพื่อเป็นหลักประกันสังคมให้แก่ต่อไปด้วย
พระพรหมเมธี(จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมส. กล่าวว่า จากการที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ลาออกจากตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ พร้อมเสนอแต่งตั้งให้ พระวิสุทธิวงศาจารย์ (วิเชียร อโนมคุโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เจ้าคณะภาค 7 (เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน) ขึ้นดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่หนเหนือแทน ผลให้ ตำแหน่งเจ้าคณะภาค 7 ว่างลงนั้น ที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มีมติเห็นชอบตั้ง พระพรหมเสนาบดี(พิมพ์ ญาณวีโร) อายุ 70 ปี พรรษา 49 วิทยาฐานะป.ธ.7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา รองเจ้าคณะภาค 7 ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 7 ตามที่พระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือเสนอ โดยอาศัยกฎมส. ฉบับที่ 24 พ.ศ. 2541 ว่าการแต่งตั้งและถอดถอนพระสังฆาธิการ นอกจากนี้ มส.ยังมีมติแต่งตั้ง พระศรีคัมภีรญาณ(สมจิน สัมมาปญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) เป็นเลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวงด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งเจ้าคณะภาค 7 ถือเป็นตำแหน่งสำคัญของการปกครองคณะสงฆ์หนเหนือ เนื่องจากประกอบด้วย 3 จังหวัดสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รองจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งการขยับตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7 ขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 7 นั้น จะส่งผลให้รองเจ้าคณะภาค 7 จากจำนวน 2 ตำแหน่งว่างลงอีก 1 ตำแหน่ง โดยรองเจ้าคณะภาค 7 รูปที่ 2 ในปัจจุบัน ได้แก่ พระธรรมเสนาบดี (ธงชัย สุวณฺณสิริ) วัดพระธาตุดอยสุเทพ จะขยับขึ้นเป็นรองเจ้าคณะภาค 7 อันดับ 1 ในขณะเดียวกัน พระเทพโกศล เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ จะเกษียณอายุครบ 80 ปี บริบูรณ์ ในวันที่ 11 เม.ย.2558 และถูกยกเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด จะส่งผลให้ ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ว่างลงอีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งคงจะต้องรอดูว่า เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ จะเลือกพระสงฆ์รูปใดที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งให้งานบริหารคณะสงฆ์หนเหนือต่อไป
สำหรับระบบเกษียณอายุ พระสังฆาธิการระดับรองเจ้าคณะภาค - เจ้าคณะภาค, รองเจ้าคณะจังหวัด - เจ้าคณะจังหวัด, รองเจ้าคณะอำเภอ - เจ้าคณะอำเภอ, รองเจ้าคณะตำบล -เจ้าคณะตำบล กฎมส.ฉบับที่ 24 ได้กำหนดไว้ว่า เมื่ออายุครบ 80 ให้ยกเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะในชั้นนั้น ๆ แต่มส.อาจให้ต่ออายุไปได้อีกไม่เกิน 3 ปี ตามความเหมาะสม ส่วนตำแหน่งเจ้าอาวาส และเจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ ประกอบด้วย หนเหนือ หนตะวันออก หนใต้ และหนกลาง ดำรงตำแหน่งได้จนมรณภาพ นอกจากจะขอลาออก หรือถูกปลดออก จากตำแหน่งดังกล่าว
