นายกรัฐมนตรี อังเกล แมร์เคิล หยิบยกประสบการณ์ของเยอรมนีเตือนสตินายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กลายๆ เมื่อวันจันทร์ (9 มี.ค.) ระบุการที่เมืองเบียร์กลับมาเป็นที่นับหน้าถือตาของนานาชาติ เนื่องจากยอมรับความผิดพลาดจากพฤติกรรมป่าเถื่อนในช่วงสงครามโลกของตนเองอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านให้อภัยอย่างใจกว้างอันนำไปสู่การปรองดองอย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแสดงปาฐกถาที่จัดโดยอาซาฮี หนังสือพิมพ์แนวเสรีนิยมของญี่ปุ่น เมื่อวันจันทร์ (9) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สำทับว่า ไม่สามารถให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงแก่ญี่ปุ่นได้ เนื่องจากประชาชนในแต่ละประเทศควรเรียนรู้บทเรียนของตัวเอง
การแสดงปาฐกถาดังกล่าว ซึ่งเป็นการเปิดฉากการเยือนญี่ปุ่นคราวนี้ของแมร์เคิล มีขึ้นขณะที่นายกรัฐมนตรีอาเบะ กำลังเตรียมคำแถลงในวาระครบรอบ 70 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า ผู้นำชาตินิยมสายเหยี่ยวของญี่ปุ่นผู้นี้อาจลดระดับการกล่าวขออภัยเกี่ยวกับพฤติการณ์รุกรานของกองทัพแดนอาทิตย์อุทัย ต่อชาติต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
แมร์เคิลกล่าวว่า เยอรมนีชื่นชมในความใจกว้างของเพื่อนบ้านที่อ้าแขนรับเมืองเบียร์กลับสู่ประชาคมโลก แม้กองทัพนาซีได้ก่อสงครามหฤโหดและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ตาม ขณะที่เยอรมนีเองก็พร้อมเผชิญหน้ากับอดีตอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา
ในการปราศรัยในวันแรกของการเยือนโตเกียวเป็นเวลา 2 วัน แมร์เคิลยังอ้างอิงถ้อยแถลงของอดีตประธานาธิบดีเยอรมันผู้ล่วงลับ ริชาร์ด ฟอน ไวซ์เซคเกอร์ ที่ระบุว่า การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปถือเป็น “วันแห่งการปลดปล่อย” และว่า ผู้ที่ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับอดีตคือผู้ที่ “ตามืดบอดต่อปัจจุบัน”
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแสดงปาฐกถาที่จัดโดยอาซาฮี หนังสือพิมพ์แนวเสรีนิยมของญี่ปุ่น เมื่อวันจันทร์ (9) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สำทับว่า ไม่สามารถให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงแก่ญี่ปุ่นได้ เนื่องจากประชาชนในแต่ละประเทศควรเรียนรู้บทเรียนของตัวเอง
การแสดงปาฐกถาดังกล่าว ซึ่งเป็นการเปิดฉากการเยือนญี่ปุ่นคราวนี้ของแมร์เคิล มีขึ้นขณะที่นายกรัฐมนตรีอาเบะ กำลังเตรียมคำแถลงในวาระครบรอบ 70 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า ผู้นำชาตินิยมสายเหยี่ยวของญี่ปุ่นผู้นี้อาจลดระดับการกล่าวขออภัยเกี่ยวกับพฤติการณ์รุกรานของกองทัพแดนอาทิตย์อุทัย ต่อชาติต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
แมร์เคิลกล่าวว่า เยอรมนีชื่นชมในความใจกว้างของเพื่อนบ้านที่อ้าแขนรับเมืองเบียร์กลับสู่ประชาคมโลก แม้กองทัพนาซีได้ก่อสงครามหฤโหดและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ตาม ขณะที่เยอรมนีเองก็พร้อมเผชิญหน้ากับอดีตอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา
ในการปราศรัยในวันแรกของการเยือนโตเกียวเป็นเวลา 2 วัน แมร์เคิลยังอ้างอิงถ้อยแถลงของอดีตประธานาธิบดีเยอรมันผู้ล่วงลับ ริชาร์ด ฟอน ไวซ์เซคเกอร์ ที่ระบุว่า การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปถือเป็น “วันแห่งการปลดปล่อย” และว่า ผู้ที่ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับอดีตคือผู้ที่ “ตามืดบอดต่อปัจจุบัน”