นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยภายหลังการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ปปง. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น และวัดพระธรรมกายที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า รู้สึกพอใจความคืบหน้าของคดี โดยทุกหน่วยงานแบ่งหน้าที่ทำงานเพื่อให้คดีมีความคืบหน้าโดยเร็ว ซึ่งจุดยืนคือ การตรวจสอบสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นว่าเป็นอย่างไร และจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับทุกคนหากพบว่ามีการกระทำความผิด โดยให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้พบว่าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นมีคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยอาญาแบ่งออกเป็น 3 คดี ในความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานของพนักงานสอบสวน ยังไม่ถือว่าเป็นคดีทางอาญา เพราะยังไม่มีการฟ้องร้อง
ส่วนคดีแพ่งนั้น มีการเรียกเงินคืนจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ และพวกอีก 3 คดีเช่นกัน ซึ่งจะเริ่มพิจารณาคดีในช่วงเดือนเมษายนนี้
สำหรับคดีของสหกรณ์เครดิตยูเนียน กับวัดพระธรรมกายนั้น ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า วันที่ 16 มีนาคมนี้ จะมีการไกล่เกลี่ยที่ศาลแพ่งในส่วนของเงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนียนบริจาคให้วัดพระธรรมกายกว่า 684 ล้านบาท ว่าจะมาคืนให้สหกรณ์อย่างไร ทั้งนี้ คู่กรณีตกลงกันแล้วว่าจะชดใช้เงินในจำนวนดังกล่าว เพื่อให้สหกรณ์ฯนำเงินคืนสมาชิกรายย่อยต่อไป
ส่วนคดีแพ่งนั้น มีการเรียกเงินคืนจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ และพวกอีก 3 คดีเช่นกัน ซึ่งจะเริ่มพิจารณาคดีในช่วงเดือนเมษายนนี้
สำหรับคดีของสหกรณ์เครดิตยูเนียน กับวัดพระธรรมกายนั้น ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า วันที่ 16 มีนาคมนี้ จะมีการไกล่เกลี่ยที่ศาลแพ่งในส่วนของเงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนียนบริจาคให้วัดพระธรรมกายกว่า 684 ล้านบาท ว่าจะมาคืนให้สหกรณ์อย่างไร ทั้งนี้ คู่กรณีตกลงกันแล้วว่าจะชดใช้เงินในจำนวนดังกล่าว เพื่อให้สหกรณ์ฯนำเงินคืนสมาชิกรายย่อยต่อไป