สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ว่าประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา เป็นประธานในพิธีรำลึกครบรอบ 2 ปี การถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ที่สุสานทหารชานกรุงการากัส เมื่อวันพฤหัสบดี โดยสุสานแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งชาเวซใช้วางแผนทำรัฐประหารเมื่อปี 2535 แต่ล้มเหลว อย่างไรก็ตามอีก 6 ปีต่อมา อดีตทหารพลร่มนายนี้ก้าวขึ้นครองอำนาจสูงสุดทางการเมืองของเวเนซุเอลาผ่านการเลือกตั้งได้สำเร็จ และครองอำนาจยาวนานจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2556 ด้วยวัยเพียง 58 ปี
อย่างไรก็ตามความนิยมของชาวเวเนซุเอลาที่มีต่อมาดูโร ทายาททางการเมืองซึ่งชาเวซเป็นผู้คัดเลือกให้ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยตัวเอง กลับลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องจนน่าใจหาย โดยปัจจุบันเหลืออยู่เพียงร้อยละ 20 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เกี่ยวข้องกับการที่มาดูโรยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศได้ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อยังสูงถึงร้อยละ 68.5 และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) หดตัวร้อยละ 4 เมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ราคานำมันในตลาดโลกที่ยังตกต่ำ
"ฮูโก ชาเวซ" เป็นผู้นำประเทศเพียงไม่กี่คนที่มีเอกลักษณ์ "เฉพาะตัว" อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความกล้าต่อกรกับสหรัฐอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม สุนทรพจน์และการปราศรัยของชาเวซแทบทุกครั้งต้องมีการจิกกัดหรือกระทบกระแทกรัฐบาลวอชิงตันอย่างดุดัน และนโยบายบริหาประเทศแบบสังคมนิยม แปรรูปองค์กรรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้เป็นของรัฐ และนำเงินไปเพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมของประชาชน
อย่างไรก็ตามความนิยมของชาวเวเนซุเอลาที่มีต่อมาดูโร ทายาททางการเมืองซึ่งชาเวซเป็นผู้คัดเลือกให้ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยตัวเอง กลับลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องจนน่าใจหาย โดยปัจจุบันเหลืออยู่เพียงร้อยละ 20 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เกี่ยวข้องกับการที่มาดูโรยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศได้ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อยังสูงถึงร้อยละ 68.5 และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) หดตัวร้อยละ 4 เมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ราคานำมันในตลาดโลกที่ยังตกต่ำ
"ฮูโก ชาเวซ" เป็นผู้นำประเทศเพียงไม่กี่คนที่มีเอกลักษณ์ "เฉพาะตัว" อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความกล้าต่อกรกับสหรัฐอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม สุนทรพจน์และการปราศรัยของชาเวซแทบทุกครั้งต้องมีการจิกกัดหรือกระทบกระแทกรัฐบาลวอชิงตันอย่างดุดัน และนโยบายบริหาประเทศแบบสังคมนิยม แปรรูปองค์กรรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้เป็นของรัฐ และนำเงินไปเพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมของประชาชน