เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล มาร์ก ลิปเปิร์ต ต้องนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลภายหลังเข้าห้องผ่าตัดนาน 2 ชั่วโมงครึ่งเมื่อวันพฤหัสบดี (5มี.ค.) หลังจากถูกผู้ประท้วงชาตินิยมเกาหลีใต้จ้วงฟันที่ใบหน้าและแขน ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยการรวมเกาหลี โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ต่างออกคำแถลงประณามผู้ก่อเหตุครั้งนี้ ขณะที่สื่อมวลชนโสมแดงแสดงการยกย่องชมเชย
คณะแพทย์ของโรงพยาบาลยอนเซ ยูนิเวอร์ซิตี้ส์ เซเวแรนซ์ เกาหลีใต้แถลงเมื่อเย็นวันพฤหัสบดี ว่า อาการของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ วัย 42 ปี ผู้นี้คงที่ หลังการผ่าตัดนาน 2 ชั่วโมงครึ่งและต้องเย็บแผลบริเวณแก้มด้านขวาถึง 80 เข็ม โดยที่จะต้องพักฟื้นราว 3-4 วัน
ทั้งนี้ นอกจากลิปเปิร์ตจะมีแผลที่แก้มซึ่งยาว 11 ซม. และลึก 3 ซม.แล้ว เขายังถูกแทงที่ข้อมือซ้ายซึ่งทำลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อนิ้วก้อยและเอ็นที่เชื่อมต่อนิ้วโป้ง อย่างไรก็ดี แพทย์ได้ทำการรักษาแล้ว
สำหรับผู้ก่อเหตุได้ถูกตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุ และเปิดเผยว่าชื่อ คิม คีจอง วัย 55 ปี สื่อมวลชนเกาหลีใต้ระบุว่าบุคคลผู้นี้เคยพยายามทำร้ายเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำโซลมาแล้วเมื่อปี 2010 ด้วยการปาแท่งปูนใส่และได้รับโทษ 3 ปีแต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน
ผู้เห็นเหตุการณ์และตำรวจเผยว่า คิมใช้มีดปอกผลไม้ยาว 25 ซม. เป็นอาวุธในการโจมตีซึ่งเกิดขึ้นภายในศูนย์ศิลปะขนาดใหญ่ของรัฐบาล ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ซึ่งมีการอารักขาเข้มงวด
ทางด้าน มารี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงประณาม “พฤติการณ์ใช้ความรุนแรง” คราวนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ต่างโทรศัพท์หาลิปเปิร์ตเพื่อสอบถามอาการและและอวยพรให้หายโดยเร็ว
สำหรับประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ของเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) แถลงประณามว่า เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีความสัมพันธ์เกาหลีใต้-สหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ออกคำแถลงประณามเช่นกัน และประกาศสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด รวมทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ
ส่วนสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ ได้เสนอรายงานข่าวสั้นๆ โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “การลงโทษอันชอบธรรม” และเป็น “การแสดงออกซึ่งการต่อต้าน” อย่างหนักแน่นมีเหตุมีผล ที่สะท้อนให้เห็นกระแสคัดค้านของสาธารณชนชาวเกาหลีใต้ ต่อการซ้อมรบร่วมระหว่างโสมขาวกับอเมริกาซึ่งยังคงเดินหน้าต่อไปถึงแม้โสมแดงออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง
คณะแพทย์ของโรงพยาบาลยอนเซ ยูนิเวอร์ซิตี้ส์ เซเวแรนซ์ เกาหลีใต้แถลงเมื่อเย็นวันพฤหัสบดี ว่า อาการของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ วัย 42 ปี ผู้นี้คงที่ หลังการผ่าตัดนาน 2 ชั่วโมงครึ่งและต้องเย็บแผลบริเวณแก้มด้านขวาถึง 80 เข็ม โดยที่จะต้องพักฟื้นราว 3-4 วัน
ทั้งนี้ นอกจากลิปเปิร์ตจะมีแผลที่แก้มซึ่งยาว 11 ซม. และลึก 3 ซม.แล้ว เขายังถูกแทงที่ข้อมือซ้ายซึ่งทำลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อนิ้วก้อยและเอ็นที่เชื่อมต่อนิ้วโป้ง อย่างไรก็ดี แพทย์ได้ทำการรักษาแล้ว
สำหรับผู้ก่อเหตุได้ถูกตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุ และเปิดเผยว่าชื่อ คิม คีจอง วัย 55 ปี สื่อมวลชนเกาหลีใต้ระบุว่าบุคคลผู้นี้เคยพยายามทำร้ายเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำโซลมาแล้วเมื่อปี 2010 ด้วยการปาแท่งปูนใส่และได้รับโทษ 3 ปีแต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน
ผู้เห็นเหตุการณ์และตำรวจเผยว่า คิมใช้มีดปอกผลไม้ยาว 25 ซม. เป็นอาวุธในการโจมตีซึ่งเกิดขึ้นภายในศูนย์ศิลปะขนาดใหญ่ของรัฐบาล ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ซึ่งมีการอารักขาเข้มงวด
ทางด้าน มารี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงประณาม “พฤติการณ์ใช้ความรุนแรง” คราวนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ต่างโทรศัพท์หาลิปเปิร์ตเพื่อสอบถามอาการและและอวยพรให้หายโดยเร็ว
สำหรับประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ของเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) แถลงประณามว่า เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีความสัมพันธ์เกาหลีใต้-สหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ออกคำแถลงประณามเช่นกัน และประกาศสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด รวมทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ
ส่วนสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ ได้เสนอรายงานข่าวสั้นๆ โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “การลงโทษอันชอบธรรม” และเป็น “การแสดงออกซึ่งการต่อต้าน” อย่างหนักแน่นมีเหตุมีผล ที่สะท้อนให้เห็นกระแสคัดค้านของสาธารณชนชาวเกาหลีใต้ ต่อการซ้อมรบร่วมระหว่างโสมขาวกับอเมริกาซึ่งยังคงเดินหน้าต่อไปถึงแม้โสมแดงออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง
