xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 27 กุมภาพันธ์ 2558

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน สำหรับการดูแลเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในการที่จะดูแลให้ครบทุกภาคส่วน เราอาจจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ระดับประเทศ ได้แก่ การค้า การลงทุน เป็นเรื่องของเศรษฐกิจมหภาค และในระดับชุมชน ที่เน้นกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีรายได้น้อยต่างๆ รวมถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบพื้นที่ของรัฐบาลที่ผ่านมา ในช่วงเวลาที่เราจำเป็นต้องเข้ามาดูแลให้มันถูกกฎหมาย บางธุรกิจที่ไม่ถูกกฎหมายเหล่านั้น ต้องมีการบริหารจัดการ จะทำอย่างไรให้คนที่เดือดร้อนเหล่านั้นไม่ได้รับผลกระทบ

ในส่วนของการปราบปรามการผิดกฎหมายนั้น ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เรื่องอาชญากรรม เรื่องการบุกรุกป่า การสร้างความเดือดร้อน ผู้มีอิทธิพลต่างๆ เหล่านั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยให้ฝ่ายความมั่นคงนั้นได้ไปพิจารณาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในการประชุม ครม.เศรษฐกิจที่ผ่านมานั้น อย่างที่เรียนแล้วว่า เศรษฐกิจนั้นมันจะดี ไม่ดีส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความมั่นคงด้วย ผมกล่าวไปแล้วว่า ถ้าความมั่นคงสงบเรียบร้อย ประเทศชาติมีความสุข มีเสถียรภาพทั้งการเมือง ทั้งรัฐบาล ทั้งความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินนั้น เศรษฐกิจต่างๆ จะเดินหน้าไปได้ด้วยดีนะครับ ตามลำดับ

เพราะฉะนั้นในการประชุมที่ผ่านมานั้น ในเรื่องเศรษฐกิจนั้นได้อนุมัติในหลักการที่เสนอโดยคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช. ในการช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้สินของพี่น้องเกษตรกรผ่าน ธ.ก.ส.อันจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรกว่า 8 แสนรายทั่วประเทศ

นอกจากนั้น ยังมีโครงการอีกหลายโครงการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าแล้วหลายหมื่นล้านบาท ที่จะช่วยกระตุ้นการจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน เราจะเร่งดำเนินการต่อไปนะครับ ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย สำหรับการดำเนินการงานตามนโยบายของรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มีเรื่องสำคัญที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

เรื่องการพัฒนาระบบรางมีความก้าวหน้าไป จะมีการพัฒนาคู่ขนาน เพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ให้ไทยของเราเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอย่างแท้จริง โดยระบบรางในส่วนของทางคู่ 1 เมตร นั้นจะแยก 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นโครงการเร่งด่วน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 903 กิโลเมตร จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ ซึ่งก็ได้แก่เส้นทางที่มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว มีการอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเวนคืนที่ดินแล้ว 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร เส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร เส้นทางที่อยู่ระหว่างการการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ เส้นทางช่วงสายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร ก็ขอความร่วมมือจากประชาชนที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าวด้วย

ในส่วนที่ 2 ก็จะเป็นโครงการระยะต่อไป ซึ่งจะดำเนินการศึกษาและออกแบบรายละเอียดในปีนี้ จำนวน 8 เส้นทาง ก็ได้แก่ หัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ปากน้ำโพ- เด่นชัย ชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ขอนแก่น - หนองคาย ชุมพร-สุราษฎร์ธานี สงขลา - หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ และเด่นชัย - เชียงใหม่

สำหรับทางขนาด 1.435 เมตรนั้น ก็จะเป็นการพัฒนาโครงข่ายรถไฟ ที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ รัฐบาลไทยก็จะร่วมมือกับรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่สนใจ อันได้แก่ จีน ญี่ปุ่น หรืออื่นๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียด ในเรื่องของรูปแบบการลงทุน และการจัดหาแหล่งเงินทุนของแต่ละโครงการ รวมความไปในเรื่องของการบริหารอะไรต่างๆนั้นด้วย

ในส่วนของเส้นทางรถไฟที่จะร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนนั้น ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการหารือคณะทำงานร่วมไทย-จีนไปแล้ว เพื่อเตรียมการออกแบบเวนคืนที่ดิน เตรียมความพร้อมบุคลากร เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะต้องมีการถ่ายทอดกันต่อไป โดยจะมีการแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ช่วงด้วยกัน ได้แก่ กรุงเทพฯ-แก่งคอย 133 กิโลเมตร แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 กิโลเมตร แก่งคอย-นครราชสีมา 138.5 กิโลเมตร และนครราชสีมา-หนองคาย 355 กิโลเมตร ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงที่ 1 และ 2 ภายในเดือนตุลาคม 2558 และช่วงที่ 3-4 ภายในเดือนธันวาคม 2558 แผนเราจะทำให้แล้วเสร็จและเริ่มเดินรถได้ภายในปี 2561

สำหรับเส้นทางความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น กำลังอยู่ระหว่างร่วมกันทำการศึกษาตามข้อตกลงใน 3 เส้นทางด้วยกัน โดยสองเส้นทางแรก จะเป็นเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจ ที่เชื่อมโยงตะวันออกและตะวันตกของไทย หรือที่เรียกว่า East-West Corridor อันได้แก่ เส้นทางจากกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และเส้นทางที่ 2 คือ เส้นทางจาก อ.แม่สอด จ.ตาก-มุกดาหาร ทั้งนี้ อีกหนึ่งเส้นทางที่จะเชื่อมไปยังภาคเหนือคือ เส้นทางกรุงเทพฯ -เชียงใหม่ ขณะนี้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตั้งคณะทำงานเจรจา ประสานงานร่วมกับญี่ปุ่นในการศึกษาแนวทางความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ และแนวทางการลงทุนร่วมกัน

สำหรับแนวความคิดเส้นทางความเร็วสูงนั้น มีข้อเสนอจากเอกชนไทย ที่อยากจะให้ประเทศมีความทันสมัย และเพื่อให้เกิดการพัฒนาชุมชนเมือง การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ที่เป็นธรรมตลอดเส้นทางการเดินรถ ผมได้ให้พิจารณาหาข้อมูล หาข้อสรุปให้ได้ว่า จะดำเนินการกันได้อย่างไร ทั้งเส้นทางระยะสั้น และเส้นทางที่มีประชาชนเดินทางคมนาคมเป็นจำนวนมาก เช่น กรุงเทพฯ -พัทยา ระยอง-อู่ตะเภา หรือ กรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาความคุ้มค่าการดำเนินการ โดยแนวทางนั้นอาจจะเป็นในรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุนที่เรียกว่า พีพีพี หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐานมีฝ่าฟัน รัฐจะเร่งพิจารณาให้เห็นผลชัดเจนในปีนี้

สำหรับทางรถไฟความเร็วสูง หลายคนมีความกังวลว่า ราคามันแพงเกินไปไหม ผมดูตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่นนะครับ ในช่วงแรกมันอาจจะราคาสูง คนยังใช้บริการไม่เต็มที่ เขาใช้รายได้ที่ได้มาจากการค้าขาย หรือสัมปทานในตลอด 2 เส้นทาง ในการที่จะจัดทำศูนย์การค้า ทำตลาด ที่ผมมองเห็นนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน คงไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งรับไป เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดประโยชน์กับชาติไม่เท่าที่ควร และอาจจะสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับสังคม ประชาชนโดยรวมซึ่งให้พิจารณานอกจากศูนย์การค้าแล้ว คิดจะทำเรื่องไหนก็อาจมาให้ลงทุนในเรื่องการจัดตั้งอาคารที่อยู่อาศัยให้กับคนที่มีรายได้น้อย สร้างตลาด สร้างโอกาส ให้ผู้มีรายได้น้อยจะได้ขยับขยายชุมชนเมืองที่แออัด และมีพื้นที่สำหรับการค้าขายให้กับประชาชนที่จำเป็นต้องจัดระเบียบตรงนี้ เป็นเหตุผลหลักของผม สำหรับเรื่องรถไฟความเร็วสูงนั้น แน่นอนการลงทุนต้องสูงตามไปด้วย ถ้าเรามีภาคเอกชนมาร่วมด้วย ซึ่งขณะนี้มีหลายบริษัทหรือหลายกลุ่ม นักธุรกิจขนาดใหญ่ก็ให้ความสนใจ และพร้อมจะร่วมมือกับรัฐบาล ก็ต้องดูข้อตกลงให้ชัดเจนอย่ากังวลเรื่องนั้น

ต่อเรื่องของการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของคสช.และรัฐบาลที่ดำนเนินการควบคู่กันไปนั้น ดำเนินการอย่างเป็นระบบตามโรดแมป และการดำเนินการนั้นจะผ่านคณะกรรมการต่างๆที่จัดตั้งขึ้น เรามีหลายคณะนะครับ ได้แก่ คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ผมเป็นประธานและมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างๆ อยู่ในส่วนนี้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ 2 คือคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อันนี้มีรองนายกรัฐมนตรี ท่านประวิตรเป็นประธาน และมีคสช.อยู่ในคณะนี้ ก็ทำงานคู่ขนานกันไป ทั้ง 2 คณะ จะติดตามการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญเร่งด่วนนะครับที่ต้องเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หรือเริ่มต้นให้ได้ โดยทั้งรัฐบาลและ คสช.จะประสานงานผ่านไปยังคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (กขร.) และคณะทำงานประสานบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลระดับกระทรวง (ปขก.) ผมก็ให้ตั้งของกระทรวงด้วย ถ้ารัฐบาล คสช. และ ปขก.ทำไปด้วยกัน ผมคิดว่ามันจะได้เร็วขึ้น และมีภาคเอกชนมาร่วมด้วยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้า อุตสาหกรรมต่างๆ ภาคเอกชน การท่องเที่ยว ก็อยู่ในคณะต่างๆ เหล่านี้ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ผมก็จะประสานการปฏิบัติและติดตามการขับเคลื่อนทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว ผ่านไปยังกระทรวง ทบวง กรม จังหวัด ท้องถิ่น ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร.เดิม เพื่อให้มีการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์

สำหรับการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อน (กขน.) ของรัฐบาลนั้น จะเน้นในเรื่องสำคัญ 5 ด้าน ด้านความมั่นคง ได้แก่ นโยบายในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ประมง แรงงานต่างด้าว การแก้ไขปัญหาขะ การจัดระเบียบสังคม การบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ที่สำคัญ ในด้านเศรษฐกิจ เช่น นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำระยะแรก การดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก การแก้ปัญหาราคาสินค้าการเกษตร ที่จะต้องดูแลเป็นแต่ละราย แต่ละภาคส่วนไป ทั้งในเรื่องของต้นทุน เรื่องของตลาด เรื่องการเพิ่มความเข้มแข็งของสหกรณ์เหล่านี้ จะได้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืน

ในด้านสังคม ได้แก่ นโยบายการพัฒนาระบบการศึกษา ซึ่งวันนี้ผมกำลังจะตั้ง "ซูเปอร์บอร์ดการศึกษา" ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง ผมจะเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ ก็จะไปร่วมกับของกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งมีคณะกรรมการปฏิรูปของเขาอยู่แล้ว มันจะได้ตรงกันเสียที และได้รวดเร็วขึ้น ทันอกทันใจในปีนี้ก่อน และเรื่องของระบบสาธารณสุข การวิจัยพัฒนานำไปสู่การผลิต การใช้ในประเทศเหล่านี้ต้องแก้ไขหลายๆ เรื่อง

สำหรับด้านกฎหมาย และการป้องกันการทุจริตก็ เช่น นโยบายเร่งรัดการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ คดีที่สำคัญ การแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และในเรื่องที่ 5 คือด้านการต่างประเทศ เช่น การเตรียมมาตรการรองรับการเข้าสู่เออีซี ทั้งกฎหมาย ทั้งการเชื่อมต่อเส้นทางถนน ด้านศุลกากรเหล่านี้ เราต้องดำเนินการด้วย และในเรื่องของการติดตามความก้าวหน้าตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งบางอย่างนั้นยังไม่ได้ดำเนินการนะครับ ข้อตกลงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มซี คือรอบบ้านเรา คู่เจรจาอื่นๆ อีกด้วย ทั้งทวิภาคี พหุภาคีต้องทำทั้งหมด ไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามงานเร่งด่วนทั้ง 5 ด้าน และจัดทำแผนการขับเคลื่อนในระยะ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน ผมจะกำกับดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

สำหรับคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช. ที่มีท่านประวิตรเป็นประธานนั้น จะติดตามผลใน 7 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจการเงิน การคลัง งบประมาณ เรื่องพาณิชย์ เรื่องเอสเอ็มอีให้มันสอดคล้องกับรัฐบาล ด้านการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรม พลังงาน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้านตำรวจเกี่ยวกับยาเสพติด ความมั่นคง การปกครองส่วนกลาง ภูมิภาคท้องถิ่น ในด้านการขนส่งลอจิสติกส์ แรงงานต่างด้าว ประมง แรงงานผิดกฎหมาย ด้านการศึกษา สาธารณสุข ไอที

ทั้งนี้การประชุมร่วมกันของคณะกรรมการต่างๆ นั้น จะมีการประชุมร่วมกันทุกเดือน มีอนุกรรมการไปขับเคลื่อน ให้ลงไปถึงพื้นที่อย่างบูรณาการ

สำหรับเรื่องพลังงานจากมติที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมา ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ และรับฟังความเห็นของประชาชนอันเป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นปัญหาความขัดแย้งไม่ตรงกันก็พูดคุยหารือกัน ให้ได้ข้อยุติในเรื่องพลังงาน ซึ่งวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ด้วยเหตุและผลต้องมากัน การดำเนินการเรื่องนี้ผมได้ดำเนินการในลักษณะที่ว่า ให้มีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะเปิดสัมปทานรอบต่อไป คงจะไม่นานนักนะครับ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกพวกทุกฝ่าย คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสิ่งสำคัญด้วยในการพูดคุยเจรจาของคณะทำงานที่ผ่านมา และมีตัวแทนภาครัฐภาคเอกชน ประชาชน มาคุยกันนั้นก็จะถือว่าเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ได้ข้อยุติ ไม่ใช่ขยายความขัดแย้งไปอีก ก็ขอให้พูดจากันให้ดี และแก้ไขกฎหมายให้เรียบร้อย

ในเรื่องของศาสนานั้น ในเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ผมได้มอบหมายให้ท่านรองนายกฯ วิษณุ และและท่านรัฐมนตรีสุวพันธุ์ ได้ไปศึกษาทำความเข้าใจกับประเด็นของปัญหา และใครที่เกี่ยวข้อง ผมไม่อยากเรียกว่าคู่ขัดแย้ง เพราะเป็นเรื่อของศาสนา เรื่องใดที่เป็นเรื่องของการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องระบบการเงิน การคลัง ก็เป็นเรื่องของรัฐที่ต้องดำเนินการ

ในส่วนของศาสนา เรื่องของพระอะไรต่างๆก็อาจจะต้องตั้งมีคณะทำการเป็นฝ่ายสงฆ์มาช่วยดูแลอีกทาง ตอนนี้กำลังคิดอยู่ ก็จะได้ช่วยการทำงานของคณะสงฆ์เดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพในเรื่องของการเชื่อถือ เป็นสิ่งสำคัญนะครับเพราะเป็นศาสนาของประเทศ ปัจจุบันที่คดีความต่างๆ ที่รัฐดำเนินการอยู่แล้วนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ศาสนจักรเหล่านี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่เราต้องให้ทั้งสองฝ่ายดูแลไปพร้อมๆกันด้วย ก็อย่าไปก้าวก่ายซึ่งกันและกันให้มากนัก ก็ทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้น ผมคิดว่าทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็ต้องยอมรับ และฝ่ายประชาชนก็ต้องยอมรับในการพูดคุยหารือกันในเรื่องนี้ ก็มีองค์กรกำกับดูแลอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามประเทศชาติก็มีอยู่หลายเรื่องที่สำคัญที่ผมต้องรีบดำเนินการ ก็ขอความร่วมมือทุกพวกทุกฝ่ายช่วยกันขจัดความขัดแย้งให้ได้ พูดจาหารือหาทางออกกัน ใครผิดก็ว่าไป อย่าใช้กระแส อย่าใช้การชุมนุม มาทำให้เกิดความวุ่นวายอีก ขอร้อง ขอร้องจริงๆ

เรื่องแรงงานนั้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นสิ่งสำคัญมากในเวลานี้ ผมคิดว่าเรามาแก้ปัญหาตรงนี้กันด้วยดีกว่า สำคัญกว่า วันนี้ประเทศไทยจะต้องเตรียมจัดหาแรงงานเพื่อใช้ในประเทศ ในการจัดตั้งโรงงานต่างๆ อะไรก็แล้วแต่ ในเรื่องของการลงทุน และรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้ด้วย (เออีซี)

ในต้นปีหน้าเราคาดว่าจะขาดแคลนแรงงานประมาณ 60,000-70,000 คน วันนี้เรามีแรงงานต่างชาติเข้ามาขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมาก จำนวนเป็นล้านๆ คน ก็ยังไม่พอ ก็ผันไปเป็นอาชีพอื่น ไปงานบริการ การท่องเที่ยว และงานที่ไม่ใช้แรงงาน เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องจัดระบบ คัดแยกประเภทแรงงานต่างๆ แล้วก็เตรียมการนำแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเพิ่มเติม แต่ต้องควบคุมให้ได้ด้วยกฎหมาย ด้วยการจดทะเบียนต่างๆ ให้เรียบร้อย ไม่ให้เป็นปัญหา

สำหรับเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นเรื่องสำคัญ ผมได้ให้นโยบายไปกับกระทรวงศึกษาฯ ให้อาชีวะ ให้แสวงหาความร่วมมือทวิภาคีกับบริษัทต่างๆ ในประเทศ เพื่อจะฝึกคนเหล่านั้น ให้นอกจากเป็นแรงงานที่มีฝีมือแล้ว ยังสามารถที่จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้างานได้อีกด้วย เราก็พยายามที่จะให้ทุกคนที่มาทำงานในประเทศไทย มาลงทุนต่างๆ ให้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเรา ให้เขาจัดตั้งคนของเราเป็นหัวหน้าบ้าง อะไรต่างๆ เหล่านี้ ติดขัดอยู่ 3-4 ประการ เรื่องความรู้ความสามารถ เรื่องการเงินเรียนรู้ การศึกษาของเรายังมีปัญหาอยู่บ้าง และเรื่องของภาษา เหล่านี้ต้องเร่งพัฒนาภายในปีนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไปไม่ได้อย่างที่เราต้องการ

อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า วันนี้เรามีชาวไทยภูเขาอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่มีงานทำ อาจจะต้องมาพิจารณาเอามาใช้ในเรื่องของการสมัครเป็นแรงงาน และพัฒนาฝีมือ เพราะเขาก็อยู่ในประเทศไทย มีจิตสำนึกความเป็นไทย ก็ต้องมีบัตรอนุญาตต่างๆ ขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย แล้วก็ควบคุมกันให้ได้ จะได้ไม่ไปบุกรุกป่าในการทำพื้นที่ทำกินตามแนวทาง หรือตามวัฒนธรรมของเขาอีกต่อไป ไม่ได้เป็นการบังคับกันนะ เป็นการสมัครใจ อยากจะให้เป็นแรงงานที่ดี มาช่วยประเทศไทย วันหน้าจะได้เรียบร้อยเสียที จะได้ลดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานได้อีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ในเรื่องสิทธิมนุษยชน การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ และประมง (IUU) รัฐบาลให้ความสำคัญต่องานนี้มาก เพราะว่ามีกำหนดเวลาที่ชัดเจน เราต้องชี้แจงเขาให้ได้ และดำเนินการผลงานที่มีความก้าวหน้าให้เขาได้อย่างเป็นรูปธรรม การค้ามนุษย์ ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เราได้มีการหารือแบบทวิภาคี เพื่อจะเร่งปรับปรุงบันทึกความเข้าใจด้านแรงงานกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ลาว พม่า กัมพูชา บางทีก็ต้องขยายไปเวียดนามด้วย แล้วก็เตรียมแผนระยะต่อไปด้วย ก็จะมีการขยายขอบเขตความร่วมมือใน 4 ประเด็น คือ 1. แรงงานของประเทศต่างๆ ในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และไทย) 2. มาตรฐานฝีมือแรงงาน 3. การนำเข้าและส่งออกแรงงาน 4. ความร่วมมืออื่นๆ ซึ่งหลังจากการหารือแล้ว จะเป็นการเจรจาเป็นรายประเทศ คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้ในเดือนมีนาคมนี้

เรื่องของแรงงานหรือการค้ามนุษย์ สิ่งสำคัญที่ต่างประเทศเขาดูอยู่ คือ การดูแลเหยื่อ เหยื่อก็คือผู้ที่ถูกหลอกลวงมาทำงาน ไม่ว่าจะบนบก หรือทางน้ำ ในเรือประมงก็ตาม เราต้องดูแลเหยื่อด้วย ว่าหลังจากนั้นเราเยียวยาเขาไหม ดูแลเขาอย่างไร เรื่องสื่อ ทั้งสื่อไทย สื่อต่างประเทศ ก็ต้องทำความเข้าใจกัน เพราะส่วนใหญ่แล้วสื่อมักจะไปสอบถามจากเหยื่อ จากผู้เสียหาย ซึ่งบางครั้งก็ไม่เข้าใจกัน วันนี้ผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ในเรื่องของการแก้ปัญหาทั้งระบบนั้น เรามีคณะทำงานเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยผมเป็นประธานเอง และมีอนุฯ อีกหลายคณะด้วยกัน และได้มีความก้าวหน้ารายงานมายังองค์กรระหว่างประเทศไปแล้วส่วนหนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้

ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงของไทย มีความคืบหน้าว่า วันนี้เราจดทะเบียนเรือประมง ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 50,000 ลำ และออกใบอนุญาตทำประมงแล้วประมาณ 25,000 ลำ วันนี้ที่ยังชักช้าอยู่บ้าง เพราะว่ามาตรฐานยังไม่ได้ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ประกอบการประมงมาอยู่แล้ว ทำอย่างไรจะเข้ากฎเข้าระเบียบได้ ไม่อย่างนั้นเราผ่อนผันไปเรื่อยๆ มันก็จะถูกเขาจับกุม เพราะกฎหมายระหว่างประเทศมันก็แรง แต่ละประเทศเขาก็ดูแลทรัพยากรของเขาอยู่ เพราะฉะนั้นท่านต้องเข้าใจตรงนี้ ถึงเราจะผ่อนผันไปอย่างไรก็ตาม ท่านก็ถูกดำเนินการจับกุม และเขาถูกทำลายเรือ อย่างที่ผ่านมา มันก็ไม่น่าจะดีนะ

วันนี้เราได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการควบคุมการเฝ้าระวังการทำประมงไปแล้วกว่า 20 แห่ง เพื่อจะกำกับดูแลการจัดการตามกฎหมายประมง วันนี้สามารถจับผู้กระทำความผิดได้ 176 คดี มีผู้ต้องหา 878 ราย ขณะนี้รัฐบาลได้จัดทำระบบติดตามเรือ หรือที่เรียกว่า VMS ให้กับเรือประมงขนาด 60 ตันกรอสขึ้นไป คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการด้วย ในส่วนปัญหาของการทำประมงในน่านน้ำที่อินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านเราเอง กรมประมงจะได้มีการหารือร่วมกับทางการอินโดนีเซียอีกครั้งหนึ่ง ถึงแนวทางการลงทุนร่วมกันที่จะทำการประมง อาจจะต้องครอบคลุมการหารือว่า ข้อห้ามต่างๆ ของอินโดนีเซียนั้น จะสามารถยืดเวลาออกไปได้หรือไม่ เพื่อให้ไทยมีเวลาจัดระเบียบ และปรับปรุงในเรื่องของการประมงของเราให้ไปเป็นตามข้อบังคับใหม่ของทางอินโดนีเซีย ทุกประเทศเขาปรับหมด มีของเราซึ่งไม่ค่อยจะร่วมมือกันเท่าไรในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ขอบคุณนะครับ ดีใจที่ส่วนใหญ่เข้าใจ และร่วมมือกับเราทุกอย่าง ทำให้มันเร็วขึ้น

ในเรื่องต่อไปคือ เรื่องผลการดำเนินการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งอันนี้เป็นการขยายโอกาสลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา เน้นให้กับโรงเรียนในเมือง และในชนบทที่มีปัญหาเรื่องครู ที่มีจำนวนน้อย บางโรงเรียนมีครูน้อยมาก ต้องสอนหลายวิชาอะไรเหล่านี้ ถ้าเราสามารถเอามาใช้ได้มันจะเป็นประโยชน์ เราจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาประกอบการศึกษาให้ได้ ระยะแรกเป็นเรื่องดาวเทียม ต่อไปกระทรวงศึกษาฯ กำลังปรับว่าจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในเรื่องอื่นอย่างไรต่อไป ระยะแรกจากพฤศจิกายน 57 จนถึงปัจจุบันนั้น ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ได้ประเมินการบริหารจัดการ การเอาใจใส่ดูแลของอาจารย์ และความตั้งใจของนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ได้มีการจัดการเรียนการสอนผ่านดาวเทียมตามโครงการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันมีจำนวน 15,553 โรงเรียน ได้รับการตอบรับว่าพึงพอใจกว่า 98% น่ายินดีนะครับ และจะเห็นว่า นักเรียนมีความรู้มากขึ้น สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีการพัฒนาการที่ดี เป็นวิธีเสริม ผมเน้นว่าเป็นวิธีเสริมจากครูด้วย เป็นการเสริมรูปแบบการสอนของครูมีความหลากหลายมาขึ้น ทัดเทียมกัน และเด็กจะได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพเท่าเทียมทั่วประเทศ และประการที่ 4. คือมีกิจกรรมในห้องเรียนมากขึ้นที่จะดึงดูดความสนใจสนุกกับการเรียน อันนี้เป็นตัวอย่างที่อยากรายงานให้ทราบ นอกจากนั้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้คัดเลือกครูเก่งที่ได้รับความนิยมในการสอนต่างๆ มาบันทึกเทปสอนเสริมให้ใน 5 วิชา เพื่อเตรียมการสอบโอเน็ต มีการออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียม ช่องดีแอลทีวี 14 และนำเทปลงในเว็บไซต์สามารถดูซ้ำได้ เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่ห่างไกล ก็ขอความร่วมมือครูที่เก่งๆด้วยนะครับ ที่สอนข้างนอกอยู่ช่วยมาเป็นวิทยากรให้หน่อย ระยะนี้สมัครมาได้เลย ที่มูลนิธิสอนทางไกลผ่านดาวเทียมเราจะได้ช่วยให้กับโรงเรียนที่ห่างไกล ขนาดเล็ก ขาดแคลนครู ได้อีกทางหนึ่ง จะได้ทัดเทียมกันนะ

อย่างไรก็ตาม ผมก็เห็นว่าบางอย่างยังคงจำเป็นต้องปรับปรุง อาทิ รูปแบบการเรียนการสอนให้ทันสมัย การบริหารจัดการให้มีการประสานสอดคล้องกันในทุกระดับ และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในเรื่องของโรงเรียนกวดวิชา ก็ต้องค่อย ๆ ดูแลกันต่อไปนะครับ อย่าคิดว่าผมไปบังคับขู่เข็นเก็บภาษีต่าง ๆ ผมต้องการให้มันเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ได้ไปหวง ห้าม อะไรต่างๆ ใครเรียนได้ก็เรียน แต่ต้องมีกติกากันบ้าง ในเรื่องของการสอบโอเน็ตและเอเน็ต ดำเนินการไปก่อน มีการปรับอะไรค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งไปทะเลาะเบาะแว้งเรื่องนี้เลย ทุกคนต้องมุ่งหวังให้มันดีทั้งนั้น เพียงมันพร้อมหรือยัง เป็นประโยชน์กับเราหรือยัง เพราะประเทศไทยไม่มีอะไรเหมือนใครเลย ความคิดพื้นฐานไม่เหมือนเขา แต่น่าจะเอามาใช้ได้บ้าง จะเอามาใช้อย่างไร ตอนนี้รัฐบาลจะตั้งซุปเปอร์บอร์ดในเรื่องการศึกษาได้พูดกับท่านรัฐมนตรีแล้ว ว่าไม่ได้ไปก้าวก่ายงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ต้องการสั่งการให้ชัดเจนขึ้น เพราะในส่วนของกระทรวงศึกษาในส่วนของสปช.ก็มีอยู่แล้ว ในส่วนของการปฏิรูปแต่ไม่มีผลเป็นรูปธรรมมากนัก เพราะมันติดขัดด้วยระเบียบ ด้วยอะไรต่างๆมากมาย กฎหมายก็ต้องแก้ โครงสร้างของต้องทำ แต่ผมต้องการปรับการศึกษาในขณะนี้ให้ได้ ทั้งการเรียน การสอน ความเป็นธรรม หลักสูตร การสอนวิชาที่สำคัญ หน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์ ประชาธิปไตย ความรักชาติ เหล่านี้มันต้องแทรกเข้าไปด้วย ผมก็เป็นประธานคณะทำงานนี้เอง ก็พยายามจะทำให้เกิดผลได้เร็วที่สุดให้ทันกับความต้องการของพ่อแม่พี่น้องประชาชน คือทำให้มีความสุข แต่ต้องมีคุณภาพด้วย

ในส่วนของกระบวนการจัดหาตำรา หนังสือเรียนนั้น ก็ต้องมาทบทวนกันใหม่ว่า จะทำอย่างไรกันดี วันนี้กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาตรวจสอบคุณภาพ เอกสารการทำงานต่างๆเพื่อจัดทำมาขึ้นบัญชีสื่อการเรียนรู้เพื่อจะให้สถานศึกษาใช้ และเป็นพื้นฐาน และในส่วนที่ต้องขยับขยายเพิ่มเติม ก็ต้องดำเนินการทั้งหมด ทั้งนี้จะต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการทางการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย ร่วมกับคณะกรรมการภาค 4 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนครู ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน ผู้แทนกรรมการนักเรียน ทั้งนี้ เราจะต้องหาทางทำอย่างไรจะได้หนังสือเรียนราคาถูก มีคุณภาพ ใช้ได้ต่อไปได้ไหม อะไรที่ต้องเพิ่มเติมก็เป็นตำราเพิ่มเติมอะไรก็แล้วแต่ ไปคิดมาใหม่ รัฐบาลก็ต้องดูแลค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วยในเรื่องของตำราเรียนตั้งแต่อนุบาล จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ในเรื่องของการควบคุมราคาสินค้าตลาดชุมชน ตลาดข้าว ตลาดยาง วันนี้รัฐบาลก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการควบคุมดูแลราคาไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ คือรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงต่างๆ อย่าไปตำหนิมากนัก ผมก็สั่งการไปทุกครั้ง ท่านรัฐมนตรีก็ลงไปเดินเอง ข้าราชการก็ลงไปเดินเอง ปัญหาอยู่ที่ว่า บางทีผู้ปฏิบัติก็ไม่ค่อยเชื่อฟัง บางทีบอกไปก็ทำ พอไม่บอกไม่ดูก็เอาใหม่อีก มันเป็นนิสัยที่จะต้องช่วยกันแก้ไข ทั้งรัฐ ทั้งภาคเอกชน ประชาชน ก็อย่าเอารัดเอาเปรียบกันมากนัก วันนี้บ้านเมืองมีปัญหา รายได้ก็น้อยลง เศรษฐกิจก็ชะลอตัว ก็ควรจะต้องลดราคากันบ้าง คนบริโภคถ้าจะเอาราคาถูกก็ต้องดูว่าเหมาะสมไหม ถ้ามันแพงเกินไปแล้วของไม่มีคุณภาพค่อยตำหนิ ว่ากัน แต่ถ้ามันดูมีคุณภาพ ของก็ดี อาหารก็อร่อย ราคามันสูงนิดหนึ่ง เรามีสตางค์ท่านได้ก็ทานไป แต่ผมก็ไม่ให้วัสดุ ต้นทุน มันแพงกว่าปกติอยู่แล้ว มีการควบคุมอยู่แล้ว มันไปแพงตรงคนประกอบการ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือเป็นหลัก อย่าให้ผมต้องใช้กฎหมายทุกเรื่องเลยนะครับ

ในเรื่องของการช่วยเหลือต่างๆ เช่น สินค้าราคาถูก วันนี้ธงฟ้าเคลื่อนที่ก็จัดไปหลายเป็นร้อยชุดไปให้ทุกพื้นที่ ทุกภูมิภาค มันยังไม่พอหรอก ต้องให้บริษัทต่างๆช่วยด้วยแล้วกัน ไม่ต้องมารอรัฐบาลหรอก ท่านก็เอาของๆท่านที่มีอยู่ ไปลดราคา ลดไปที่สาขา ไปศูนย์การค้า ถ้าท่านทำอย่างนี้คนก็จะรักท่านมากขึ้น ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาแล้วต้องขึ้นราคา ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าท่านลงทุนไปเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ท่านขาดทุน แต่ท่านคงไม่ขายขาดทุนอยู่แล้ว เอากำไรน้อยลงหน่อยได้ไหม เอาปริมาณได้ไหม ขายเอาปริมาณ และมีคุณภาพให้ดี ให้ประชาชนเขารักท่าน ไม่ใช่ขัดแย้งกันไปกันมา ก็โทษกันไปมาแบบนี้ไม่ได้หรอก ต้องจับมือกัน แล้วเดินไปด้วยกัน

การจำหน่ายสินค้าราคาถูกตามชุมชน สถานที่ราชการ สำนักงานเอกชน ตลาดสด ตลาดชุมชน ช่วยกันตั้งสิครับ อย่ารอรัฐบาลอย่างเดียว ผมริเริ่มให้แล้ว รัฐก็ไปทำให้แล้ว ฉะนั้นภาคเอกชนก็ต้องทำบ้าง สมาคมการค้า การอุตสาหกรรม หรือหอการค้าจังหวัด ลองคิดทำกันเองบ้าง ไปรวบรวมพลังเหล่านี้มา ร่วมมือกัน ทุกคนเป็นคนไทยไง เราคนไทยไม่ดูแลคนไทยได้อย่างไร ไม่งั้นมันไม่ครอบคลุมหรอกครับ จะรอรัฐจัดธงฟ้ามันก็ไม่ครบอีก แล้วก็มาตำหนิว่ารัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง มันจะทั่วถึงได้อย่างไร เรามีตั้งกี่หมู่บ้าน เกือบแสนหมู่บ้าน ไม่ได้ ฉะนั้นก็อยากให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ให้คนจน คนรายได้น้อย มีโอกาสได้ใช้ของราคาถูกบ้าง ท่านก็ลดในเรื่องของกล่อง ห่อ อะไรหน่อย ในเรื่องของสีสันความสวยงาม แต่คุณภาพต้องดีเท่ากัน อย่างนี้ทำได้ไหม และพิมพ์ไปที่กล่องที่แปรงสีฟันเลยก็ได้ สมมุตินะ ว่าอันนี้เป็นช่วยชาติ และห้ามนำเอาขายต่ออะไรทำนองนี้ ใครไปขายต่อก็จับกุมดำเนินคดี ผมฝากตรงนี้ได้ไหม พวกธุรกิจการค้า การอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี ถ้าอยากจะขายของในช่วงนี้ผมอยากให้ขายแบบนี้ ขายราคาถูกกว่าปกติ และลดในเรื่องของ Decorate ในเรื่องของความสวยงามลงไปหน่อย คุณภาพอย่าลด และไปเปิดขาย ผมว่าขายดี และคอยจับคนที่ชอบมากวาดไปขายต่ออย่างนี้ไม่ได้ ทำสิครับ มีตั้งหลายที่ เพื่อจะลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนที่มีรายได้ หรือรายได้ปานกลางก็แล้วแต่นะครับ วันนี้เราได้เริ่มโครงการนำร่องสาขาแรก ในเรื่องของสินค้าราคาถูก ย่านราชประสงค์มีการเจรจากับบริษัทเอกชน ที่จะลงทุนในการผลิตสินค้าราคาประหยัดที่ผมพูดไป คิดเร็วๆ มันน่าจะทำได้ เพราะมันทำจากโรงงานเดียวกันอยู่แล้ว และลดค่าใช้จ่ายในการบรรจุหีบห่อกล่อง Packaging ก็ไม่ต้องสวยงามมากนัก เพื่อจะได้ต่อยอดร้าน หนูณิชย์พาชิมเดิม ทำอย่างไรขายอาหารสำเร็จรูปได้ในราคาพิเศษ หรือไม่ก็ขายสิ่งของอุปโภคบริโภคราคาพิเศษที่มันใช้ทุกวัน ใช้เป็นประจำ ลด 5-10 บาท มันก็ดี มันก็ดีทั้งนั้น บางจนบางคนมีรายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท

เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า ประชาชนมีเรื่องร้องเรียน หรือต้องการขอข้อมูลที่เกี่ยวกับราคาสินค้า สามารถโทรมาที่ 1569 ในเวลาราชการ เจ้าหน้าที่ก็กรุณารับด้วย อย่าหงุดหงิดกับเขา เขาเดือดร้อนเขาเพิ่งโทร ถ้าโทรมาเล่นๆ ไม่ได้อย่าโทรมา บางคนสนุกโทรมาไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่เริ่มหงุดหงิดไปด้วย

วันนี้รัฐบาลส่งเสริมตลาดชุมชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการอยู่ ทุกกระทรวงทำได้หมด เพราะทุกกระทรวงมีผู้แทนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพาณิชย์ ไม่ว่าจะเกษตร มหาดไทย ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ทุกคนมีศักยภาพไปเอาคนมาขึ้นบัญชีสิว่า จะช่วยกันอย่างไร ถ้าทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือตามศักยภาพของแต่ละคน เผื่อแผ่แบ่งปันผมว่ามันดีขึ้นแน่นอน เราจะรอดวิกฤตการณ์ช่วงนี้ไปได้ ไม่อย่างนั้นรัฐบาลดูแลคงไม่ไหวทั้งหมด ผมเรียนจริงๆ ดูทั้งหมดไม่ไหวแน่ ถ้าทุกคนช่วยกันก็ได้ ภาคเอกชนช่วยเยอะๆ ขอบคุณล่วงหน้าแล้วกัน ผมหวังว่าตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปผมจะเห็นข่าวว่า บริษัทโน้นบริษัทนี้ไปเปิดร้านค้าราคาถูกที่โน่น ที่นี่ สินค้ามีความแตกต่างกันอย่างนี้ อย่างนั้น แต่คุณภาพเท่าเดิม ลองดูซิ ขายในประเทศ มันคงไม่ผิดอะไร เพราะต้นทุนมันถูกลง ก็ขายได้ถูกลงไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร ไม่ได้ไปขายต่างประเทศนี่นา

สำหรับตลาดสินค้าการเกษตรเฉพาะ ที่ผมเคยบอกไว้แล้ว ตลาดข้าว ตลาดยาง ตลาดสินค้าประมง เหมือนที่ขายปลาเค็มข้างถนน ขายมันถูกๆ แล้วก็มีคุณภาพ ไม่อันตราย ไม่ใส่ดีดีที ตลาดผลไม้ที่หวานจริงๆ ไม่ใช่บ่มแก๊สแล้วก็ไม่หวาน สวยแต่รูปจูบไม่หอมอย่ามาขาย เดี๋ยวผมก็ให้ทางที่ทำเนียบฯ ต่อไปเขาจะขายพวกนี้ด้วย ขายไปทั้งปี ทั้งท่องเที่ยวคลองผดุงกรุงเกษม ขายผลไม้ ขายผักอินทรีย์ ขายข้าวอินทรีย์ ขายปลาเค็ม ขายทุกอย่าง ข้างทำเนียบฯ นี่ล่ะ แล้วดูซิว่าเขาจะมีรายได้ไหม อันนี้อยากให้เป็นตัวอย่างเท่านั้นล่ะ ถ้าไปทำอย่างนี้ได้ทุกที่มันก็ดีสิครับ วันนี้ที่ตลาดน้ำ นอกจากขายของได้และมีรายได้แล้ว หลายเจ้ามีรายได้ ไม่กี่วันได้เป็นหลายพัน เป็นหมื่นเหมือนกัน แต่ละราย ก็ดีกว่าอยู่บ้าน แล้วการท่องเที่ยวก็มีผลตามมาด้วย ท่องเที่ยวยังไง ก็เอาเรือของ กทม. สำนักการระบายน้ำ รับคนเที่ยว วิ่งทางน้ำมา วันหนึ่งขนคน 4 พันกว่าคนนะ ที่วิ่งมาตลาดน้ำ ผมก็บอกให้ลองดูซิว่า เปิดท่องเที่ยวอีกได้มั้ย เอาเรือจ้าง เรือแจวมานะ ไม่เอาเรือหางยาว เสียงดัง มีมลพิษ เอาเรือจ้างมา แล้วก็รับจ้างพายเรือท่องคลองผดุงกรุงเกษมไป ตรงไหนไปได้ก็ไป ไปให้มันถึงสุด เมื่อวานผมพูดกับผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้ว ท่านเห็นด้วย ทีนี้ทำยังไงน้ำจะสะอาด แต่ห้ามใช้เรือเครื่องยนต์แล้วกัน ได้มั้ย เรือจ้าง ผมว่าฝรั่งเขาสนใจนะ ที่ต่างประเทศยังมีเรือกอนโดราเลย เรามีเรือจ้าง ทำสวยๆ สิ ลองคิดแบบนี้ คิดนอกกรอบไปบ้าง ทุกคลองทำได้ก็ดี

ในเรื่องของการผลิตเหมือนกัน ปัญหาเรื่องสินค้าการเกษตร เรามีปัญหาเรื่องการผลิตเป็นจำนวนมาก ต้นทุนสูง กำไรน้อย ก็ต้องไปแก้ไขให้ถูกจุด แล้วอันต่อไปก็คือความรู้เรื่องการตลาด มันก็ต้องจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อจะต่อรอง คือไม่ให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอย่างเดียว

วันนี้ผมให้กระทรวงมหาดไทยจับกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรไปคุยกันว่าจะส่งเสริมกันอย่างไร ให้ต่อเนื่องไปถึงโซนนิ่งไปเลย ทำให้เกิดไปพร้อมๆกันทั้งประเทศได้ไหม อย่างตรงนี้ปลูกข้าวได้ ก็เต็มที่ ปลูกไป ลดต้นทุนเขาอย่างไร หาเครื่องไม้เครื่องมือให้เขาอย่างไร และส่วนหนึ่งที่ปลูกข้าวปีละ 4 ครั้ง ตาย 3 ครั้ง หรือครั้งเดียวก็ไม่ได้ ก็เลิกปลูกข้าวไปปลูกอย่างอื่นได้ไหม หรือไปทำปุ๋ยอินทรีย์มากๆ และไปขายพวกปลูกข้าวหรือไปขายปุ๋ยพวกปลุกต้นไม้ หรือเพาะต้นไม้ขาย ก็ต้องชักจูงเขาแบบนี้ บังคับมากไม่ได้บังคับก็มีปัญหาหมด ถ้าเราเกื้อกูลกันแบบนี้ได้

เราก็ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ปลูกข้าวไม่ได้ก็รับสีข้าวทำอะไรที่เกี่ยวกับข้าวให้ต่อเนื่องกัน เกษตรต่อเกษตร เพราะฉะนั้นมันต้องหาช่องทางให้ได้ ผมสั่งการไปแล้วนะครับ เรื่องของการกระจายสินค้าว่าตลาดชุมชน ตลาดปลายทาง ตลาดชายแดน เอาท์เล็ทอะไรแบบนี้ก็ต้องเพื่อการเกษตร เอาท์เล็ทเสื้อผ้าเครื่องใช้เยอะแยะไปหมด ทำไมเราไม่มีฟาร์มเอาท์เล็ทสินค้าที่มันที่ส่งขึ้นห้างไม่ได้ แต่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เช่น มันไม่สวย ใบมันงอหักบ้าง ราคาลดครึ่งหนึง และมาขายเอาท์เล็ทเกษตรไง ตั้งให้มันทุกที่สิครับ คนที่อยากกินผักสวยๆ ก็ไปซื้อของแพง คนจนก็กินอย่างนี้ ก็ได้ผมไม่เห็นมันจะต่างตรงไหน ขอให้ไม่มียาพิษละกัน ไม่มีเคมี เวลามันต้มมันลวกก็เหมือนกันกินเข้าไปก็เหมือนกัน คุณภาพทางอาหารเท่ากัน ไปทำสิฟาร์มเอาท์เล็ท เร่งดำเนินการเลย อาทิตย์หน้าผมรอฟัง และในเรื่องการส่งเสริมผลิตภัณฑ์โอทอปสินค้าแปรรูปคุณภาพ หลายวันที่ผ่านมาผมก็ได้เห็นหลายกระทรวง หลาย อบต. หลาย อบจ. ก็เอามา เช่น ของที่ระลึกรูปหัวโขนเครื่องปั้นอะไรต่างๆ ผมบอกแล้ว ทำใหญ่ๆ แล้วไม่รู้จะไปขายใคร ก็ขายได้เฉพาะแต่งบ้าน ขายฝรั่งที่ชอบชิ้นใหญ่ๆ ทำไมเราไม่ทำของที่ระลึกให้มันจิ๋วๆ เล็กๆ อย่างบางประเทศเขาทำ คนมาอยากซื้อเพราะอะไร ขนาดมันเล็กเท่าหัวไม้ขีด ทำได้มั้ย เล็กเท่าเม็ดข้าวสาร ทำได้มั้ย แกะรูปหัวโขนเล็กๆ ลงไปในข้าวสารได้มั้ย ผมว่าทำได้นะ ประเทศอื่นๆ เขายังทำเลย แล้วทำไมเราไม่คิดแบบนี้ล่ะ เขาจะได้เอาเป็นที่ระลึกไป เขียน ทำกล่องดีๆ เขียนประวัติ เขียนว่าทำอะไรไปยังไง ใครอยากซื้อกลับไป เขาไปฝากคนที่ต่างประเทศ พกพาก็ง่าย กลับบ้านก็ง่ายหน่อย ของอย่างนี้ไม่มีปัญหา ลองคิดหน่อยได้มั้ย ผมอยากดูเหมือนกัน รอดูอยู่เหมือนกัน จะแกะอะไรมาเล็กๆ ให้มันเป็นของไทยๆ หน่อยนะ แกะเป็นรูปโน้นรูปนี้ ตุ๊กตาไทย วันนี้ปั้นออกมาตัวใหญ่ไปหมด แล้วก็ขายยาก แพง ก็ขายทั้งของใหญ่ก็มี ของจิ๋วก็มี ยิ่งเล็กผมว่ามันยิ่งแพงนะ ของยิ่งเล็กมันน่าจะแพงกว่าด้วยซ้ำไป ขนย้ายง่ายด้วย

ในเรื่องของการดำเนินการในเรื่องของความก้าวหน้าในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันนี้ก็ได้เสนอพิจารณาร่างกฎหมาย ทั้ง คสช. ครม. สนช. เสนอขึ้นไปเอง 88 ฉบับแล้ว นี่เป็นกฎหมายที่เสนอเข้าไปแล้ว ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ แล้วก็ควรประกาศเป็นกฎหมายต่อไป 63 ที่เหลือยังคาอยู่ในการพิจารณาอีกประมาณ 20 กว่าฉบับ และยังมีเตรียมการเสนอเข้าไปใหม่อีก ถ้าไม่ทันก็ไปเสนอต่อ เมื่อไรก็เมื่อนั้นนะ แต่วันนี้ก็จะเร่งรัดสิ่งที่จำเป็นออกมาก่อน เพื่อให้แก้ปัญหาประเทศชาติให้ได้ อย่ามาคิดว่าทำเพื่อไปปิดกั้นใคร รังเกียจรังงอนใคร ไม่ใช่ มันทำไม่ได้หรอก ผมไม่ใช่คนคิดแบบนั้นเลย ผมรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะฉะนั้นผมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน

วันนี้ผมมาเพื่อหยุดความขัดแย้ง ให้ความเป็นธรรม ใช้หลักนิติธรรม เพราะฉะนั้นเราบอกว่า เอ๊ะ ทำไมต้องดำเนินคดีนี้ ไม่ดำเนินคดีนี้ ก็ทำความผิดกันหรือเปล่าล่ะ ถ้าทำความผิดก็ต้องเข้ามากระบวนการยุติธรรม แล้วก็มาต่อสู้กัน ก็แค่นั้นเอง ก็จะเห็นว่าวันนี้มีคดีหลายคดี ก็มีทุกพวกทุกฝ่าย ก็เข้ามา ก็ไปสู้คดีกันให้ได้ก็แล้วกัน

นี่ก็กำลังผลักดันต่อ เรื่องกฎหมายสำคัญ อีกหลายอันนะ พันธสัญญา ข้อตกลงการค้า ผมบอกแล้วไงว่า ถ้าเราจะทำให้ประเทศชาติเราเข้มแข็ง เราจะต้องมีกฎหมาย จะต้องมีกติกา ที่จะอำนวยความสะดวก ทั้งการค้าการลงทุนต่างประเทศ และของคนไทยด้วย ที่ไม่เสียเปรียบ และคนไทยต้องมีมาตรการในการป้องกันสินค้า การทุ่มสินค้าของต่างประเทศเหมือนกัน

ในเรื่องของการแก้ปัญหาความเดือดร้อน และการเดินหน้าประเทศขับเคลื่อน รัฐบาลทำอย่างต่อเนื่อง คสช.ด้วย เพราะ คสช.มันต้นกำเนิดนะ ที่เราบอกว่า 5 สาย ที่จริงแล้วมันมาจาก คสช.หมดล่ะ เพราะฉะนั้น คสช.ต้องเป็นผู้รับทราบ ก็เห็นด้วยทุกอย่าง ทั้งรัฐบาล คสช. สปช. เห็นด้วยว่าควรดำเนินการอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะทำงาน อนุกรรมการต่างๆ ก็ไปพิจารณามา แก้ไขกันตรงไหนก็ว่ามา แต่ผมจะไม่ให้แนวทางว่าไปกำจัดใคร ไปแก้ไข ดำเนินการกับใครเป็นพิเศษ ไม่มี ไม่เคยทำ ก็เป็นเรื่องของการพิจารณา ก็เป็นกลไกปกติ

เรื่องความก้าวหน้าของสภาปฏิรูปฯ ก็ได้เรียนไปแล้ว 18 คณะ ให้ส่งความคิดเห็นและข้อเสนอไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดที่ปฏิรูปนั้นยังไม่ได้มีผลทางปฏิบัติเลยนะ เขาเพียงแต่คิดกันขึ้นมาว่าจะไปยังไงในวันหน้า เดี๋ยวไปหารือกันอีกครั้ง อย่าเพิ่งไปวิตกกังวล คณะโน้น คณะนี้ ต้องยุบคณะนี้ ตั้งคณะโน้น อะไรวุ่นไปทั้งหมดเลย ผมว่าความตั้งใจของสภาปฏิรูปฯ เขาก็ดีนะ ตั้งใจ แต่วิธีการก็จะทำเมื่อไร เดี๋ยว คสช.ดำเนินการ ว่าจะตัดทอนกันตรงไหน ตรงไหนระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 อย่าไปกังวล ทุกคนกังวลไปหมด เลยสรุปว่าที่เราทำดีๆ ไม่ได้ฟัง ไปฟังที่ตัวเองไม่ชอบ ทั้งที่ตัวที่ไม่ชอบน่ะมันยังไม่ได้เปิดเลย เข้าใจมั้ย สภาปฏิรูปฯ พูดมา สนช.ทำกฎหมาย ก็ยังไปไหนไม่เสร็จ มันก็ยังไม่เกิด ปฏิรูปอันไหนยังไม่ได้มีบังคับทางกฎหมาย มันก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของทุกคณะเลย แล้วจะไปกลัวอะไรตรงนี้ ก็เดี๋ยวมาดูกัน ท้ายที่สุดก็ต้องมาคุยกัน ว่าจะไปกันยังไง วันนี้อย่าเอาทุกอย่างมาตีกันในเรื่องของที่เราต้องแก้ปัญหาประเทศ เศรษฐกิจ การเมือง ความปลอดภัย การท่องเที่ยว รายได้ประเทศ อย่าเอามาตีกันทั้งหมด ยุ่งตายเลย นะ ไม่เอา กรอบการปฏิรูปวันนี้มีตั้ง 36 วาระการปฏิรูป 7 วาระการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นระบบแรงงานต่างชาติ พัฒนาภาคการผลิต การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว บริการ ระบบลอจิสติกส์ โครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ เหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่เขาคิดต่อที่ทำอยู่ขณะนี้ วันนี้เราเริ่มต้นทั้งหมด นโยบายรัฐบาล เขาก็มาขัดกับที่รัฐบาลทำวันนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะรัฐบาลเป็นคนดำเนินการอยู่ ทุกเรื่องเราทำอยู่แล้ว แต่เขาต้องคิดว่าต่อไปจะเป็นยังไง พัฒนากันต่อก็เรื่องของอนาคต ตอนนี้ฟังรัฐบาลอย่างเดียวไปก่อนได้มั้ย เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือเรื่องของการปรับ ปลูกฝังทัศนคติ ด้านสิทธิมนุษยชนบ้าง ด้านความโปร่งใส คุณค่าความเป็นมนุษย์ จิตสาธารณะ ดูแลเรื่องสตรี เด็ก คนชรา ผู้สูงวัย ผู้ด้อยโอกาส อะไรเหล่านี้ มันเป็นกระแสโลก จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกัน นี่ก็ปฏิรูปค่อยว่ากัน วันนี้เราก็เริ่มต้นหลายเรื่อง ทำมาทั้งหมด บางอย่างก็ทำมาแล้ว บางอย่างก็ไม่เคยทำ วันนี้รัฐบาลทำไปแล้ว ฟังตรงนี้ดีกว่า ฟังว่ารัฐบาลพูดอะไร แล้วมาคุยกับรัฐบาล ในเรื่องของการปฏิรูประยะยาวจะไปทำอะไร คุยกับเขาโน่น กฎหมายถ้าอยากจะแก้ อยากจะไม่เห็นด้วย ก็ไปคุยกับคณะกรรมาธิการ ถ้าเราเอาทุกอย่างมารวมกันนะ มันไปไม่ได้ หัดเข้าหาช่องทางที่มันถูกต้อง บางทีไปพูดในสื่อ ผมฟังแล้วผมก็ ... ทำไมเขาไม่เข้าใจเรานะ บางที บางทีพูดกันคนละเรื่อง หลายรายการนะ หลายช่อง ซึ่งยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งผมคงต้องเรียกมาพูดคุยนะ ไม่ได้เป็นการปิดกั้นท่าน แต่เวลาเอานักวิชาการ หรือเอาใครไปพูด มันพูดคนละเรื่อง พูดในสิ่งที่ไม่ใช่ ไม่ตรง เป็นเรื่องของอนาคตด้วย อะไรด้วย วันนี้ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนประเทศดีกว่ามั้ง สร้างความปรองดอง สร้างความอะไรให้ได้ อะไรเป็นเรื่องของแต่ละพวก แต่ละฝ่าย ก็ปล่อยเขาทำไปสิ แล้วตอนท้ายก็มาสรุป มาว่ากันอีกที อย่ามาตีกันได้มั้ย

ต่อไปเรื่องของความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการฯ รัฐธรรมนูญ เรียนไปแล้ว เกือบจะได้ข้อยุติ เดือนกันยาฯ มั้ง ก็ต้องมาแก้กันอีกที ผ่าน คสช. ครม. อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็อาจจะต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพิ่มเติมอีก แต่ทุกอย่าง คสช.เป็นผู้ตัดสินใจ ว่ามันจะเดินอย่างไร รัฐบาลหน้าจะต้องเป็นอย่างไร แต่ทั้งนี้เราจะไม่ออกนอกกรอบของประชาธิปไตยจนเกินไป แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่า มันเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ถ้าทุกคนเรียกร้องประชาธิปไตยแล้วทุกอย่างกลับมาแบบเก่า ทุกอย่างมันก็แบบเก่าหมด แล้วจะทำทำไม ก็ต้องยอมรับกันบ้าง

ผมไม่ได้ปิดกั้นใครอยู่แล้ว กฎหมายก็คือกฎหมาย ผิดก็คือผิด ฉะนั้นเนื้อหาที่มีเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ภาคที่ 1 และประชาชน อันนี้ที่ 2 ภาคที่ 2 ว่าด้วยผู้นำทางการเมืองที่ดีสถาบันการเมืองและระบบผู้แทนที่ดี ภาคที่ 3 ว่าด้วยเรื่องของหลักนิติธรรม ระบบศาล องค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ส่วนสุดท้ายภาคที่ 4 เป็นเรื่องของการกำหนดแนวทางการปฏิรูปประเทศ การสร้างความปรองดอง และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมาธิการก็รายงานว่า เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว กำลังพิจารณาเนื้อหารายมาตราที่เหลือในส่วนสำคัญ ในภาคที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องผู้นำการเมืองที่ดี ระบบผู้แทนที่ดี เมื่อเสร็จแล้วก็ สปช. ครม. คสช. ต้องดูอีกครั้ง และถ้ามีอะไรแก้ไขก็ต้องส่งกลับไปอีก ไปให้คณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขตามที่เป็นสมควร และเสนอ สปช.ให้เห็นชอบอีกครั้งทั้งฉบับ แล้ว คสช.และรัฐบาล ก็จะนำทูลเกล้าฯต่อไป

อันนี้เป็นขั้นตอนที่มันมีอยู่อีกตั้งหลายขั้นตอน ฉะนั้นอย่าเพิ่งไปเดือดร้อนกันมากนัก ทุกคนก็ได้ยอมรับว่า ที่ผ่านมามันมีปัญหาอะไร ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องตรงไหน อะไรที่ทำแล้วให้บ้านเมืองเสียหายก็ต้องแก้ไข ถ้าคิดว่าตัวเอง หรือใครจะเข้ามาแก้ปัญหาของเราก็ต้องแก้ไข ไม่ใช่ต้านทั้งหมด แล้วกลับไปแบบเก่า ย้อนไปนู้นนี่อีก ผมว่าวันนี้ต้องทำเพื่ออนาคตนะ

เรื่องการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ วันนี้ดีขึ้น อย่ามาพันกับเรื่องเศรษฐกิจ รายได้ในประเทศ คนละเรื่อง ดีขึ้นหลังจากทีเราเข้ามาขจัดความขัดแย้ง ปีนี้มีนักลงทุนชาวต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทย โดยขอสิทธิประโยชน์จาอบีโอไอเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 ราย และมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท มีนักลงทุนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ผ่านขั้นตอน การอนุมัติในปี 57 ที่ผ่านมา 900 ราย เป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 480,000 ล้านบาท ในเดือนมกราคา 2558 นี้ ได้อนุมัติไปอีก 92 ราย มูลค่า 19,000 ล้านบาท

การลงทุนกับต่างชาติจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมขึ้น มีการปรับปรุงกติกามากมาย และข้อสำคัญคือ จะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับไทย จ้างงานคนไทย เป็นสัดส่วนเท่าไร สามารถขึ้นไปเป็นหัวหน้างานได้ นี่ผมพูดกับเขาทั้งหมด เขาก็ย้อนกลับมาว่า แก้ไขเรื่องภาษา เรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงานของคนไทย แต่เขาชื่นชมว่าคนไทยขยันขันแข็ง แต่การพัฒนาค่อนข้างจะจำกัด มันต้องแก้ทั้งระบบนะ แก้การศึกษาด้วย สร้างคนตั้งแต่เด็กขึ้นมา ให้มีทั้งนักวิเคราะห์ นักวิจัย นักวิชาการ แรงงานฝีมือ อาชีวะ อะไรต่างๆ ไม่ใช่เรียนปริญญาอย่างเดียว ไม่มีงานทำ ไม่ได้ แล้วผมถามว่ามันง่ายมั้ย เรียกร้องกันทุกวันๆ ว่าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นเสียที ขายของก็ไม่ได้ ส่งออกมูลค่าลดลง เหล่านี้เราเตรียมการมาหรือเปล่า ผมถามท่านก็แล้วกัน ท่านถามผมมาทุกวัน ถ้าเรายังไม่ทำอย่างนั้น เราต้องยอมรับว่าเรากำลังติดหล่มตัวเอง ติดหล่มตัวเองคือไม่ได้ทำ ไม่ได้แก้ไขหลุมต่างๆ โคลนต่างๆ เหล่านั้น แล้วเราก็ติดย่ำอยู่แต่ตรงนั้น แล้วมีความขัดแย้ง เหมือนกับมีฝนตก พายุเข้ามาอีก โคนมันก็แน่นไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็ไปไหนไม่ได้ ก็ติดหล่มตัวเองอยู่นั่นล่ะ วันนี้ทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น การส่งออกไปประเทศคู่ค้าหลักก็เริ่มมีสัญญาณขยายตัว มันต้องใช้คำว่าสัญญาณขยายตัว ไม่ใช่มาดูตัวเลขวันนี้ เอ๊ะยังแย่อยู่ อะไรอยู่ ก็ต้องดูว่ามันเป็นยังไง โลกเป็นยังไง ปีที่แล้วเป็นยังไง ปีนี้มันดีขึ้นมั้ย ความเข้มแข็งมันพร้อมหรือยัง แบรนด์มีหรือเปล่า สินค้าใหม่ๆ มีมั้ย เทคโนโลยีปรับปรุงหรือยัง ก็ยังทั้งสิ้นเลย แล้วมันจะดียังไง ก็ผมกำลังทำอยู่นี่ไง แต่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป ที่เขามาพูดคุย เขายินดี เขาบอกว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน ไม่ต้องพูดการเมือง อย่ามาพูดการเมืองตอนนี้ พูดเรื่องการเศรษฐกิจ ทุกประเทศ แม้แต่ประเทศที่เห็นด้วย / ไม่เห็นด้วย มาหมด ไม่ต้องกังวล เพราะเขาต้องค้าขายไง มันต้องกินต้องใช้กัน เพราะฉะนั้นเราต้องมาแก้ ปรับปรุงกติกา แล้วผมก็ใช้อำนาจในทางที่มันสร้างสรรค์ ทำให้มันดีขึ้น การส่งออกประเทศเพื่อนบ้านสูงขึ้น ด่านชายแดนต่างๆ มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น มันถึงต้องเปิดด่านมากขึ้นหลายด่าน แต่ต้องมีมูลค่าการลงทุนที่คุ้มนะ ไม่อย่างนั้นเปิดทุกด่านไม่ไหว เจ้าหน้าที่ก็ไม่พอ ถนนเส้นทางก็ยังไม่สะดวก มันต้องดูฝั่งโน้นเขาด้วย ปริมาณสินค้าด้วย เราก็เปิดไป 5 เขต 5 เขตวันนี้เขาทำถนนเส้นทางเชื่อมโยงให้มันทันสมัย ให้มันกว้างขวาง ลดคอขวด ปรับปรุงด่านศุลกากร วิธีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ใช้เงินมหาศาล ที่ผ่านมาไม่รู้อ่ะ มันต้องมาทำวันนี้ เรายังมีความเสี่ยงอยู่พอสมควรนะ ปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ ปัจจัยภายนอกเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า เพราะฉะนั้นภาคอุตสาหกรรม เอกชนของเรา ต้องปรับตัวนะ เอสเอ็มอี ห่วงโซ่ต่างๆ มันจะต้องสัมพันธ์กัน เขาเรียกห่วงโซ่สัมพันธ์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ พึ่งตนเองบ้าง ขายในประเทศให้ได้มากที่สุด แล้วก็ขายชายแดนให้ได้มากที่สุด ขายประเทศเพื่อนบ้านให้ได้มากที่สุด โดยไปหาว่าจะแข่งขันกันได้อย่างไร เพราะเราถูกบีบสองทาง ทั้งในส่วนของ CLV ซึ่งก็คือประเทศรอบบ้านเรา ค่าแรงเขาถูกกว่าเราประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ อีกด้านหนึ่ง เช่น อินโดนีเซีย เขาถูกกว่าเรา 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าแรงอย่างเดียวนะ ค่าต้นทุนยังไงไปว่ากัน เพราะฉะนั้นนี่คือแต้มต่อของเรา ผมก็เอาตรงนี้มาดูเราจะแก้กันยังไง ถ้าทุกคนเรียกร้องกันทั้งหมด มันก็ไปไม่ได้อยู่ดี รัฐก็ให้ไม่ไหว ก็ต้องไปสร้างความเข้มแข็ง ต้องใช้เวลา ระหว่างที่ใช้เวลา ระหว่างที่ยังทำไม่ได้ ท่านก็ต้องช่วยตัวเอง รัฐก็ไปสนับสนุนการค้าขายในประเทศ ก็ว่าไป

เรื่องการใช้ยางในประเทศ ขณะนี้ผมเห็นงานวิจัย ผมเอามาดู เรื่องยางนะ กว่าสิบปีแล้วนะเรื่องทำถนน ก็ยังไม่เห็นเกิดขึ้นเสียที วันนี้เกิดแล้วหลายเส้นทาง ผมก็บอกว่าไม่ใช่ถนนอย่างเดียว เพราะมันใช้ยางจำนวนน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ มั้ง แต่มันทนได้ถึง 3 ปี ของเดิมถนนธรรมดามัน 2 ปี มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นี่ก็กำลังทำอยู่ แล้วก็บอกให้ไปเพิ่ม เช่น ที่นอน วันนี้คนนิยมใช้ที่นอนยาง ปรากฏว่าให้บริษัทเขาไปทำ ไปซื้อจากที่อื่นมาอยู่ได้ ทำไมไม่ซื้อในประเทศเรา ซื้อมา จะลดราคา จะลดภาษีอะไร ให้มันใช้ภายในประเทศ มันจะต้องมีกติกานะ เราจะไปทำถุงมือยาง หรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ มันไม่พอแล้วล่ะ ก็ทำไปด้วยกัน ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ถุงมือยาง เก้าอี้ สายยางน้ำเกลือ ล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ทางวิศวกรรม หลายประเทศเขามาตั้ง บางอย่างเราบังคับไม่ได้ทั้งหมดนะ มันเป็นแรงจูงใจที่ต้องมีเหมือนกัน ถ้าให้เขาใช้ทั้งหมดบางทีเขาก็ ต้นทุนเขาสูง เราก็ต้องมาหาบริษัทที่ขึ้นบัญชีกับรัฐ มีมั้ย เดี๋ยวเราดูแลให้ว่าซื้อของในประเทศเรานี่นะ ซื้อมาอาจจะราคาตลาด แต่เราในฐานะที่ช่วยกัน ก็อาจจะไปลดภาษีในบริษัทเหล่านี้ ที่ร่วมมือกับเราในการทำ เพื่อจะได้ลดราคาขายให้มันถูกลง ใช้ในประเทศได้มั้ย นี่กำลังสั่งไปทำมาอยู่ ไปคิดอยู่ ยางปูพื้น ยางรองรางรถไฟ กำลังจะทำรางรถไฟเนี่ย ยางกันซึม กันกระแทก เหล่านี้มีวิจัยมากมายอยู่ในเก๊ะทั้งสิ้น ในโต๊ะ เต็มไปหมด เป็นการสร้างวิทยฐานะอย่างเดียวไม่ได้ วันนี้นักวิจัยต้องขึ้นบัญชี หางานให้เขาทำ หารายได้พิเศษให้เขา แล้วก็นำไปสู่ เชื่อมต่อโรงงาน เพราะนักวิจัยมีหลายที่ มีทั้งของรัฐ เอกชน ของโรงงาน ของสถานศึกษา มหาวิทยาลัย มีหมด ห้องทดลอง แต่มันเป็นคิดหมดเลย ทุกคนก็คิดมาใส่แฟ้มมา รายงานมาก็เก็บเน่าอยู่แค่นั้น ผมสั่งรวบหมด กระทรวงวิทยาศาสตร์ สวทช. ไปเอามา อย่ามาเสนอผมอย่างเดียว คิดอย่างเดียวไม่เอา ไปรวบมาให้หมด แล้วจะทำอะไรก็ทำสักที

ตอนนี้ทหารเรือก็ทำเครื่องบินน้ำ ขึ้นจากน้ำ ทำกันไม่รู้กี่ปีแล้ว ก็ผลิตให้มันเป็นเรื่องเป็นราว ต่อไปมันจะได้ทำเครื่องบินที่ใช้ท่องเที่ยว มันจะได้ไม่แพง ก็บินมาหลายปีแล้วนะ ก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุ ทหารเรือเขาทำนะ มันก็ต้องเอามาใช้ แต่จะใช้ได้อย่างไรมันก็ต้องมีการรับรองมาตรฐาน ฉะนั้นการใช้ของ ไม่ใช่ผลิตแล้วซื้อได้เลย ต้องมีการรับรองมาตรฐาน ปกติมันต้องใช้องค์กรโลก บางทีก็มีการกีดกันมากเหมือนกัน ลิขสิทธิ์ เราทำของเราใช้ในประเทศ ผมให้ สนช.ไปเร่งเรื่องของการประเมิน วิเคราะห์ วิจัย ใช้งานให้ได้ เป็นกฎหมาย ใช้งบประมาณรัฐ บางส่วนนะ ซื้อทั้งหมดยังคงไม่ได้ ในระหว่างนั้นก็ส่งไปรับรองต่างประเทศด้วย มันจะได้ส่งขายต่างประเทศด้วย คิดให้มันทั้งระบบแบบนี้

คราวนี้ทหารได้มีการเริ่มแผนงานซ่อมแซมถนน โดยใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วนะครับ จำนวน 37 เส้นทาง ระยะทาง 164 กิโลเมตร อายุการใช้งาน 3 เท่า กว่าของเดิม จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ยางในประเทศให้มากขึ้น วันนี้ก็เลยสั่งการให้กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง ทางหลวงชนบท เอาไปใช้ด้วย เมื่อวานก็สั่งการไปแล้ว ทุกคนก็รับปากแล้ว งบประมาณก็คงปรับอะไรภายในนิดหน่อย จะได้เกิดประโยชน์ เอาไปซ่อมก็ได้ ราดผิวยางที่มันขรุขระอยู่ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเอามาทำใหม่ ก็ทั้งราชการ ทั้งห้างร้านทั้งอะไรช่วยสนับสนุนกันหน่อยแล้วกัน หลายอย่าง เพราะฉะนั้นผมยังซื้อยานวดมาเลย ทำจากสมุนไพรจากไพรจากอะไรเหล่านี้มาใช้อยู่ก็ดูดีนะ จากพริกด้วยนวดคอ นวดไหล่ นวดกล้ามเนื้อก็ดูดี หอมดีด้วย เอามาใช้สิ เครื่องสำอาง สมุนไพรเยอะแยะ ทำไมต้องไปซื้อต่างประเทศก็รับรองคุณภาพให้ดีแล้วกัน ทำกล่องสวยๆ หน่อย และคุณภาพอย่างไร เขียนอย่างไรให้มันชัดเจน

เรื่องการขับเคลื่อนข้าราชการในแต่ละจังหวัด ในท้องถิ่นต้องขอร้อง อย่าให้ผมต้องไปใช้อำนาจอะไรมากมายเลย ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงานนโยบายทุกนโยบาย และทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่มีตัวแทนของทุกกระทรวงไปอยู่ที่จังหวัดด้วย ทุกคนจะต้องร่วมมือกับผู้ว่าฯ ไม่อย่างนั้นทั้งหมดต้องรับผิดชอบ แก้ปัญหา เอาปัญหามาขับเคลื่อนบูรณาการแผนงาน โครงการ นโยบาย ในลักษณะของ กลุ่มจังหวัด มันมีทั้งฟังก์ชัน งบประมาณ บูรณาการทางจังหวัด มีทั้งของท้องถิ่นด้วยอะไรด้วย และมีงบที่เร่งด่วนรัฐบาลอัดฉีดลงไปอีก นั่นแหละทุกงบ ผู้ว่าฯ ต้องไปดู ทำดีก็ได้ดี

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ปลัด อธิบดี สำนักลงไปในระดับของบังคับบัญชา ไปถึงผู้ว่าฯ นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงาน ทุกคนต้องทุ่มเทนะครับ ทุ่มเทเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าให้มีหนังสือเรียกร้องมา วันนี้ผมรับมาเยอะมาก ทำไม่ต้องกลัว ทำดีไม่ต้องกลัว ทำให้เร็ว ช้าก็โดน ทุจริตก็โดนเอาอย่างนี้แล้วกัน ไม่อย่างนั้นไม่เกิด ใครไปเรียกร้องส่งชื่อมา ผมจะสอบสวนพักราชการทันที

เรื่องความเข้มแข็ง อปท. วันนี้มีปัญหาทางเทคนิคทางธุรการ เรื่องกฎระเบียบ ขั้นตอนต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บางครั้งรูปแบบเอกสารต่างๆ บางทีทำไม่สมบูรณ์ ผมให้กระทรวงมหาดไทย กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงไปเปิดอบรมว่า ทำอย่างไรเขาจะเข้มแข็ง อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปสัมมนากันเสียทีเถอะ สัมมนาเรื่องอื่นๆ เยอะแยะแล้ว สัมมนาเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพ บอกเขาเลยว่า การบริหารเป็นอย่างนี้ รัฐบาลเป็นอย่างนี้ กระทรวงเขาทำงานอย่างนี้ ลงมาข้างล่างก็ทำแผนงานสอดคล้องกันอย่างไร อะไรมันจะสอดคล้อง อะไรจะประสานกัน มันจะประสานกันอย่างไร ต้องไปสอนแบบนี้ สัมมนาเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ตั้งนาน และวันนี้ยังไม่เข้มแข็งในเรื่องของการจัดทำแผนงานที่ดีๆ เยอะมาก แต่ที่ไม่ดีทำอะไรทำให้ช้า ที่ยังไม่พร้อม ทุกคนผมว่าดีหมด แต่ไม่พร้อม และผู้มีอิทธิพลอย่าให้มี อย่าไป เขาเรียกอะไรล่ะ เป็นกรรมการเอง อนุมัติเอง และประกอบการเองต้องไม่มีแล้ว มีไม่ได้ มีก็มีปัญหา ข้ามเลยนะ ต่อไปนี้แผนงานอะไรของรัฐ ถ้าเป็นเจ้าของมันไปทำไม่ได้ โดยเฉพาะท้องถิ่น ก่อสร้างเสียหายไปหมด ไปหาบริษัทอื่นมา

เดี๋ยวเรื่องการทำงานเหล่านี้ มันมี พ.ร.บ.เรื่องข้อมูลใช่ไหม การให้ข้อมูลผมสั่งสำนักงบประมาณไปแล้วว่า ให้เอาออกเว็บไซต์ทั้งหมด และงบประมาณรัฐบาลเป็นอย่างไรในขณะนี้ ออกไปอย่างไรไปที่ไหนบ้าง งบบริหารจัดการน้ำ งบถนน ไปเปิดดูในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณกับเว็บไซต์ของรัฐบาล ท่านจะได้รู้ว่า เขาจะเกิดที่ไหนบ้าง และท่านจะได้ไปเตรียมการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ผมให้ข้อมูลแล้ว อย่าหาว่าปิดบัง ผมไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นให้บริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น เทศบาล ช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนนะครับ

การอบรมดูงานต่างประเทศวันนี้ ผมไม่ให้ไป ไม่อยากให้ไปดูงานต่างประเทศ ไปติดต่อราชการ ไปประชุม ได้ ผมว่าถ้าจะไปดูงานต่างประเทศจัดประชุมในประเทศไทย สัมมนาในประเทศ และเชิญคนที่จะไปดูมาบรรยาย ใช้งบประมาณถูกกว่า หรือเอาภาพยนตร์ เอาวิดีทัศน์เอามาดู เอาตำรา เอกสารมาดู ผมว่าความรู้เราเยอะแยะไป มันอยู่ที่ว่าทำได้หรือเปล่า ตั้งใจจะทำไหมเท่านั้นแหละ ไปหาวิทยากรมาบรรยายในประเทศไทย ต้นทุนถูกกว่า ไปดูงานไว้วันหลัง มีรัฐบาลเลือกตั้งอะไรแล้วค่อยไปดู ผมไม่รู้ ไม่เกิดประโยชน์ไม่ให้ไป ขอชื่นชมนะครับ ถ้าใครทำอย่างนี้อยู่แล้ว เวลาเขามา เขาได้มาเห็นประเทศไทยด้วยเลยไง วิทยากรเขาได้มาเห็น ประเทศไทยไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อโซเชียลมีเดียบางสื่อ บางคน บางรายมโนไป ไม่เป็นอย่างนั้น เขามาได้ชื่นชม การเปิดตลาดใหม่ทำหลายที่ ให้ไปดูวันนี้ ช่วงนี้ก็ไปอินเดียอยู่นะ หลายอย่างเขารายงานมาแล้ว มีความก้าวหน้าหลายเรื่อง เราก็ต้องทำงานในเชิงรุก เดินเอง เปิดตลาดเอง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงอื่นๆ ด้วย 4 กลุ่มตลาด ตลาดอาเซียน ชายแดน ในเรื่องของผ่านแดน สินค้าอุปโภคบริโภคที่บริการ ก่อสร้าง การลงทุนการค้าชายแดน แล้วก็ผ่านแดนด้วย บางอย่างต้องไปอาศัยการใช้สิทธิทางภาษีในประเทศเพื่อนบ้าน ก็อาจจะต้องลงทุนเพิ่มบ้าง แล้วเอาของกลับเข้ามาบ้านเรา ก็เป็นการกระจายสินค้าออกไป ทำนองนั้น เพราะเราถูกตัดสิทธิจีเอสพีไป เพราะฉะนั้นบ้านเราก็ต้องปรับรูปแบบใหม่ สร้างเครือข่ายระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ได้

สำหรับตลาดที่สอง ก็คือตลาดที่มีการพัฒนาการอื่นๆ ปานกลาง ศักยภาพสูง เช่น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา รัสเซีย โดยเน้นเจาะตลาดเมืองรอง เขาไปกันหมดแล้ว เมืองรองที่มีศักยภาพ จะได้เป็นช่องทางเข้าถึงผู้นำเข้าและผู้ลงทุนอย่างแท้จริง ประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น การค้าปลีก เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับบน ในจีน อินเดีย เพราะคนเยอะมาก วันนี้เอกชนช่วยไปเดินสายด้วยนะ เดี๋ยวรัฐบาลไปผมก็ให้เอาเอกชนไปด้วยทุกที นี่ไปอินเดีย ผมก็ให้พาณิชย์เขาพาไปด้วย จะได้ไปโฆษณาค้าขายของ เปิดตลาดตัวเอง ช่วยกัน ร่วมมือกัน เอกชนกับรัฐต้องร่วมมือกัน อย่าติติงอย่างเดียว วันนี้เรามาแก้ เพราะฉะนั้นอย่ามาติผม ก็ไปติติงกันข้างในคณะ แล้วก็ไปเดินต่อกัน ถ้ายกปัญหามาถึงผมหมดก็เยอะเกินไป ผมแก้ไม่ไหว ไปแก้กันข้างในก่อน

อันที่ 3 คือตลาดที่มีการพัฒนาการทางเศรษฐกิจสูง เช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย ผมถึงบอกแล้วไง ต้องไปคำนึงว่าเราจะส่งเสริมเรื่องอะไร เราได้เปรียบเรื่องอะไร ก็ไปเสริมเรื่องนั้น ไปกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มฮิสตอริก กลุ่มสถาบัน กลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม เหล่านี้ กลุ่มคนรักสัตว์ เรื่องสปา เรื่องเครื่องสำอาง ไปดูซิ ทำให้มันดีๆ

อันที่ 4 คือตลาดที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจต่ำ แต่มันเป็นแหล่งทรัพยากร ก็เอาเข้ามา เป็นสินค้านำเข้า แอฟริกา เอเชียใต้ กลุ่มหมู่เกาะอะไรเหล่านี้ เน้นกลุ่มนักการเกษตร ก่อสร้าง ความร่วมมือระหว่างกัน แสวงหาวัตถุดิบ ขยายการลงทุน เจรจากับเขาแลกเปลี่ยนกันให้ได้ ให้อะไรเขา เราก็ต้องได้อะไรกลับมา ทูตไทยทุกประเทศต้องทำงานหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตร ผมกำลังประเมินอยู่นะ ทูตทหารก็ด้วยนะ ต้องประเมินด้วยว่าช่วยประเทศไทยได้ยังไง ทุกปีจะต้องมีการสรุปว่ามีผลงานอะไรปรากฏออกมา ไม่งั้นก็อยู่ไปนานๆ ไปเรื่อยๆ ชินไปเรื่อยๆ ไปต้องทำอะไร เรื่องสำคัญนะครับ ผมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันศึกษา สื่อมวลชน ร่วมเปิดโครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเป็นพลังในการปฏิรูปประเทศ ขอเชิญพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าช่วยกันตั้งปณิธานทำความดีเพื่อสังคม เริ่มตั้งแต่บุคคล ครอบครัว หน่วยงาน องค์กรระดับชุมชน ตั้งใจทำความดีเพื่อสังคม หลายอย่างทำสิ่งง่ายๆ ในชีวิตประจำวันก่อน เช่น ตั้งใจจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น เป็นคนอารมณ์ดี อารมณ์เย็น ผมกำลังตั้งอยู่เหมือนกันให้อารมณ์เย็นขึ้น แต่ต้องตั้งใจว่า จะคิดให้มากขึ้น ทำเพื่อประโยชน์ให้มากขึ้น เผื่อแผ่คนอื่นมากขึ้น ดูแลแบ่งปันคนอื่นมากขึ้น จิตสาธารณะพวกนี้มันต้องคิด และในครอบครัวต่อไปอย่าไปรังแกสัตว์ อย่าไปทำร้ายสัตว์ สัตว์ทุกสัตว์ คนฉลาดกว่าสัตว์อยู่แล้ว อย่าไปทะเลาะกับสัตว์ นี่ต้องมีกฎหมายวุ่นวายไปหมดเลย และเดี๋ยวก็เดือดร้อนอีก

ขอให้เข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์หน้าจอ อยากให้ทุกคนบันทึกไว้ด้วยนะครับว่า จากปีนี้ ปีหน้า ปีต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงครบ 88 พรรษา สมเด็จฯ ทรง 84 ใช่ไหมครับ อีกหลายพระองค์ก็ครบ 60 ปีนี้สมเด็จพระเทพรัตนฯ ก็ 60 ถ้าทำถวาย ถ้าเอาแค่ 4 พระองค์ ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ ก็อีก 3 ปี ถ้าทำครบพระองค์ 4 อย่างแล้ว ถวายพระองค์ละอย่าง ผมว่าทำได้มากกว่านั้น อย่างที่ผมกำลังพยายามทำ ผมทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนทุกเรื่องก็ต้องทำ ได้แค่ไหนก็ต้องทำต้องอดทน

สำหรับวันอาทิตย์นี้ เป็นวันสุดท้ายนะครับที่มีตลาดกล้วยไม้ ตลาดน้ำ ข้างทำเนียบรัฐบาล แต่บอกแล้วว่า จะขยายอย่างอื่นต่อไป ให้คึกคักไปเรื่อยๆ ให้มีความสุข อย่าติติงนักเลย บางคนก็บอกมันไม่ใช่ของจริง แหมผมไม่รู้คนเหล่านี้ คิดอะไรไม่รู้ ไม่คิดแต่ติเป็นอย่างเดียว คนอื่นเขาสนใจก็ไม่สนใจ ไม่ชอบก็อย่ามาเท่านั้นเอง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนนะครับ หน่วยงานของรัฐที่ให้การสนับสนุน ทั้งภาคเอกชน-ประชาชนด้วย นอกจากนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หาพื้นที่ตลาดกล้วยไม้ให้ไปอยู่ที่ตลาด อ.ต.ก. เป็นการถาวร ข้างทำเนียบเปลี่ยนมาเป็นการจัดงานข้าววิถีไทยหรืออื่นๆ อีกต่อไป ในห้วง 5 มีนาคม - 5 เมษายน 2558 อีก 1 เดือน หลักๆจะโปรโมทข้าวไทยจากภาคต่างๆ และวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หาดูได้ยาก มีโอกาสท่องเที่ยวด้วยนะครับ ผู้ปกครองพาลูกหลานมาด้วย มาชมการเล่นละเล่นวัฒนธรรมพื้นบ้าน มาซื้อของคุณภาพ และเรียนรู้วิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกรที่มีรายได้น้อย ให้เขาเกิดความภาคภูมิใจ ว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติมาอย่างยาวนาน ช่วยเขาหน่อย ช่วยซื้อช่วยอุดหนุน และมีตลาดนัดศิลปะด้วย ให้จิตรกร-ศิลปินไทย มีพื้นที่แสดงและจำหน่ายงานศิลปะควบคู่ไป เอาเล็กๆมาได้ไหม ใหญ่ๆค่อยมี เล็กก็ได้จะได้ซื้อง่ายๆ ของแพงๆก็มี ของถูกก็มี แต่เป็นจากประชาชนนะ ห้างร้าน-บริษัทไม่ต้องมาอยากให้เป็นตลาดของประชาชน

ช่วยกันน้อมนำธรรมะอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา 3 ประการ ของพระพุทธเจ้า เราศาสนาพุทธคำสอนท่านมีอยู่แล้ว 84,000 พระธรรมขันธ์ เคยเรียนกันมาแล้ว ศึกษากันมาแล้ว หลักๆสำคัญคือไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึง พร้อมทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส มาเป็นหลักในหารดำเนินชีวิต และยึดแนวทางของความความพอเพียงและเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตัวเองและครอบครัว สังคม และประเทศไทย ขอให้ทุกคนมีความสุขพักผ่อนให้มีความสุข ปลอดภัยทุกคน สวัสดีครับ ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น