สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่านายโธมัส จอร์แดน ประธานธนาคารแห่งชาติสวิส ( เอสเอ็นบี ) แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับมาตรการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารกลางแต่ละประเทศ ว่ามีผลเพียง "ระยะหนึ่ง" เท่านั้น หมายความว่า เมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกไม่อยู่ในระดับที่ยั่งยืนอีกต่อไป ธนาคารกลางสามารถยุติการใช้มาตรการควบคุมค่าเงินของประเทศได้เสมอ และสวิตเซอร์แลนด์เดินทางมาถึงจุดนั้นแล้ว
ทั้งนี้ หากเอสเอ็นบียังคงใช้มาตรการควบคุมค่าเงินต่อไป มีความสูงเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การที่เอสเอ็นบีตัดสินใจกลับมาลอยค่าเงินอีกครั้ง เป็นนโยบายที่มีผลเพียง "ชั่วคราว" เช่นกัน
นอกจากนี้ จอร์แดนยังกล่าวถึงท่าทีของนางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) ซึ่งแสดงความสงสัยแกมไม่พอใจ ที่เอสเอ็นบีตัดสินใจครั้งสำคัญโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน ว่าเอสเอ็นบีเป็นธนาคารกลางของสวิตเซอร์แลนด์ การตัดสินใจและกำหนดนโยบายทุกอย่างผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบที่สุดแล้วโดยคณะผู้บริหาร จึงไม่จำเป็นต้องปรึกษาบุคคลภายนอก
ถ้อยแถลงของประธานเอสเอ็นบีมีขึ้น หลังการออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี ยุติมาตรการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ใช้มาตั้งแต่เดือนก.ย. 2554 ซึ่งกำหนดเพดานค่าเงินของประเทศเอาไว้ที่ 1.20 ฟรังก์สวิส ต่อ 1 ยูโร พร้อมทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกจาก -0.25% เป็น -0.75% สร้างความตกตะลึงอย่างหนักให้กับตลาดทั่วโลก และค่าเงินฟรังก์สวิสปรับตัวขึ้นทันทีเกือบ 30% เมื่อเทียบกับเงินยูโร แม้จะอ่อนตัวลงบ้างในช่วงใกล้ปิดตลาด แต่ค่าเงินของสวิตเซอร์แลนด์ยังคงสูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 15%
ทั้งนี้ หากเอสเอ็นบียังคงใช้มาตรการควบคุมค่าเงินต่อไป มีความสูงเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การที่เอสเอ็นบีตัดสินใจกลับมาลอยค่าเงินอีกครั้ง เป็นนโยบายที่มีผลเพียง "ชั่วคราว" เช่นกัน
นอกจากนี้ จอร์แดนยังกล่าวถึงท่าทีของนางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) ซึ่งแสดงความสงสัยแกมไม่พอใจ ที่เอสเอ็นบีตัดสินใจครั้งสำคัญโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน ว่าเอสเอ็นบีเป็นธนาคารกลางของสวิตเซอร์แลนด์ การตัดสินใจและกำหนดนโยบายทุกอย่างผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบที่สุดแล้วโดยคณะผู้บริหาร จึงไม่จำเป็นต้องปรึกษาบุคคลภายนอก
ถ้อยแถลงของประธานเอสเอ็นบีมีขึ้น หลังการออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี ยุติมาตรการตรึงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ใช้มาตั้งแต่เดือนก.ย. 2554 ซึ่งกำหนดเพดานค่าเงินของประเทศเอาไว้ที่ 1.20 ฟรังก์สวิส ต่อ 1 ยูโร พร้อมทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกจาก -0.25% เป็น -0.75% สร้างความตกตะลึงอย่างหนักให้กับตลาดทั่วโลก และค่าเงินฟรังก์สวิสปรับตัวขึ้นทันทีเกือบ 30% เมื่อเทียบกับเงินยูโร แม้จะอ่อนตัวลงบ้างในช่วงใกล้ปิดตลาด แต่ค่าเงินของสวิตเซอร์แลนด์ยังคงสูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 15%