xs
xsm
sm
md
lg

แรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 27.16 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 300 จุดในระหว่างวัน อันเป็นผลมาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทอัลโค อิงค์ และข้อมูลเศรษฐกิจของจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,613.68 จุด ลดลง 27.16 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,661.50 จุด ลดลง 3.21 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,023.03 จุด ลดลง 5.23 จุด หรือ -0.26%

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นไปกว่า 282 จุด ขานรับรายงานที่ว่า บริษัทอัลโค อิงค์มีผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วอยู่ที่ 33 เซนต์ ขณะที่รายได้พุ่งขึ้น 14% สู่ระดับ 6.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ รวมทั้งรายงานที่ระบุว่า ยอดส่งออกจีนขยายตัว 6.1% ในปี 2557 เมื่อเทียบรายปี

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของ NFIB เพิ่มขึ้น 2.3 จุด สู่ระดับ 100.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2006 โดยข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงในช่วงบ่ายและปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร และจากความวิตกกังวลต่อราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.7% หลังจากที่ร่วงลง 2.8% เมื่อวันจันทร์ ภายหลังจากที่โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ

หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทเคบี โฮม คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้จะหดตัวลง โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ดิ่งลง 4.8% และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ปรับตัวลง 1.7%

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลของธอมสัน รอยเตอร์ส ว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2557 ของบริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 มีแนวโน้มขยายตัว 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจในเดือนพ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.,การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน
กำลังโหลดความคิดเห็น