น.พ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคสุกใสว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อ วาริเซลลา ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด ติดต่อกันได้ง่ายทางการไอ จาม หายใจรดกัน หรือการสัมผัส รวมทั้งการใช้ของร่วมกับผู้ป่วย ซึ่งหลังได้รับเชื้อประมาณ 2-3 สัปดาห์ หากเป็นเด็กจะเริ่มจากมีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร ส่วนผู้ใหญ่จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัด มีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ หรือขึ้นหลัง ในระยะแรกจะมีผื่นแดงขึ้นตามตัว ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มใส และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขุ่นคล้ายหนองแล้วกระจายไปตามใบหน้า ลำตัว แผ่นหลัง และช่องปาก หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน ผื่นจะตกสะเก็ด หากมีไข้ ให้รับประทานยาพาราเซตามอล หากมีอาการคันให้ใช้ยาทา เพื่อลดอาการคัน ขณะนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ และ จ.ชัยภูมิ มียอดผู้ป่วยแล้วกว่า 8,700 ราย เฉพาะใน จ.นครราชสีมาจังหวัดเดียว มีผู้ป่วยกว่า 4,000 ราย
ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ มะเร็ง เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การป้องกันโรคนี้ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1-2 วัน ก่อนผื่นขึ้น จนถึงระยะผื่นตกสะเก็ด เด็กที่เป็นโรคสุกใส ควรหยุดไปโรงเรียนจนกว่าผื่นตกสะเก็ดหมดแล้วอย่างน้อย 1 วัน โดยการป้องกันที่ได้ผลในปัจจุบันคือ การฉีดวัคซีนป้องกัน
ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ มะเร็ง เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การป้องกันโรคนี้ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1-2 วัน ก่อนผื่นขึ้น จนถึงระยะผื่นตกสะเก็ด เด็กที่เป็นโรคสุกใส ควรหยุดไปโรงเรียนจนกว่าผื่นตกสะเก็ดหมดแล้วอย่างน้อย 1 วัน โดยการป้องกันที่ได้ผลในปัจจุบันคือ การฉีดวัคซีนป้องกัน
