พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ในปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการสวมหมวกกันน็อก พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว โดยในปี 2558 ตนได้มีแนวคิดที่จะบังคับใช้กฎหมายในส่วนของการใช้เข็มขัดนิรภัย และการตรวจจับผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนด เพื่อให้การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในมาตรการตรวจจับความเร็วนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะต้องมีการหาภาคีเครือข่ายเพื่อเข้าร่วมทำงานด้วย เนื่องจากปัจจุบันยังขาดแคลนในส่วนของอุปกรณ์ตรวจจับความเร็วบนท้องถนน ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยควบคุมผู้ที่ประมาทขับรถเร็ว
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้กำหนดแนวทางว่า ในปี 2558 ในถนนสายหลักที่อยู่ในความรับผิดชอบของ 88 สน.จะต้องมีการนำเอาเครื่องตรวจวัดความเร็วไปติดตามเส้นทาง โดยให้แต่ละ สน.พิจารณาจากเส้นทางที่เป็นถนนสายหลักมีการเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ ทำควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนเกรงกลัว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนด จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในข้อหาขับรถเกินอัตรากำหนด มีโทษปรับไม่เกิน 400 บาท โดยกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า จะต้องใช้ความเร็วรถที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้กำหนดแนวทางว่า ในปี 2558 ในถนนสายหลักที่อยู่ในความรับผิดชอบของ 88 สน.จะต้องมีการนำเอาเครื่องตรวจวัดความเร็วไปติดตามเส้นทาง โดยให้แต่ละ สน.พิจารณาจากเส้นทางที่เป็นถนนสายหลักมีการเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ ทำควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนเกรงกลัว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ขับรถเร็วเกินกำหนด จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในข้อหาขับรถเกินอัตรากำหนด มีโทษปรับไม่เกิน 400 บาท โดยกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า จะต้องใช้ความเร็วรถที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น
