ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(17ธ.ค.) สร้างสถิติเป็นวันที่ปิดบวกมากที่สุดในรอบปีเศษ หลังเฟดสัญญาจะอดทนและยังไม่มีแผนขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 288.00 จุด (1.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,356.87 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 40.15 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,012.89 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 96.48 จุด (2.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,644.31 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากมติการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ"
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนต.ค. ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เคลื่อนไหวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นั้น มาจากราคาพลังงานที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3% ขณะที่หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 10% หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์พุ่งขึ้น 9.3% ส่วนหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้น 8.5%
หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 3.3% แต่หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส ดิ่งลง 1.32%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. และผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 288.00 จุด (1.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,356.87 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 40.15 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,012.89 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 96.48 จุด (2.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,644.31 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากมติการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ"
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนต.ค. ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เคลื่อนไหวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นั้น มาจากราคาพลังงานที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3% ขณะที่หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 10% หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์พุ่งขึ้น 9.3% ส่วนหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้น 8.5%
หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 3.3% แต่หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส ดิ่งลง 1.32%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. และผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย