xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นสหรัฐฯร่วง กังวลวิกฤตค่าเงินรูเบิลรัสเซีย-ราคาน้ำมัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) ปิดลบแรง ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนวิตกต่อราคาน้ำมันที่ตกต่ำและวิกฤตค่าเงินรูเบิลที่ดำดิ่งสร้างสถิติต่ำสุดตลอดกาลครั้งใหม่

ดาวโจนส์ ลดลง 111.97 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,068.87 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 16.89 จุด (0.85 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,972.74 จุด แนสแดค ลดลง 57.33 จุด (1.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,547.83 จุด

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 53.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งหลุดจากระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ออกมายืนยันว่า กลุ่มโอเปคจะไม่ปรับลดเพดานการผลิต แม้ว่าราคาน้ำมันอาจจะดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลก็ตาม

การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน รวมถึงเศรษฐกิจรัสเซียที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่แล้วจากการร่วงลงของสกุลเงินรูเบิลและมาตรการคว่ำบาตรที่นานาประเทศบังคับใช้ต่อรัสเซีย

ทั้งนี้ ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงอย่างหนักถึง 19% สู่ระดับ 80.10 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 13.14 น.ตามเวลามอสโคเมื่อวานนี้ เพราะได้รับแรงกดดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ทางการรัสเซียจะประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน หลังจากที่การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐปรับตัวลงแตะระดับ 53.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 54.8 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 1.6% แตะที่ระดับ 1.028 ล้านยูนิต และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. ลดลง 5.2% แตะที่ 1.035 ล้านยูนิต

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้น Amazon.com และหุ้นกูเกิล ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของกูเกิลลงสู่ระดับ 600 ดอลลาร์ จากระดับ 670 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นยาฮู ดิ่งลง 2%

นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 17 ธ.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์ จากที่เคยระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไป "เป็นระยะเวลานาน" นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูว่าเฟดจะมีปฏิกริยาอย่างไรต่อการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น