ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดิ่งลงเมื่อวันศุกร์ (12 ธ.ค.) ส่งผลให้ตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้จุดกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 315.51 จุด หรือ 1.79% ปิดที่ 17,280.83 จุด ดัชนี S&P 500 ลบ 33.00 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 2,002.33 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 54.57 จุด หรือ 1.16% ปิดที่ 4,653.60 จุด
สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 3.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 และดัชนี S&P ร่วง 3.5% หนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2555 หรือในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.7% ในรอบสัปดาห์
หุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงจนฉุดไม่อยู่ โดยสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนม.ค. ลดลงต่ำกว่า 58 ดอลลาร์/บาร์เรล ในวันศุกร์ หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี ราคาได้ลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552
เมื่อวันศุกร์ (12 ธ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 57.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันได้จุดกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งถูกตอกย้ำด้วยรายงานตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค.ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่เผยแพร่วานนี้ โดย IEA ได้ปรับลดแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2558 ลงอีก 230,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 900,000 บาร์เรล/วัน จากการคาดการณ์ว่าการบริโภคเชื้อเพลิงจะลดต่ำลงในรัสเซีย และประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอื่นๆ
ด้านสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนวันศุกร์ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะขายทอง ก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งขายทำกำไร ภายหลังราคาปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาสดใสยังส่งผลให้ความต้องการลงทุนในทองคำลดลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,222.5 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองปรับตัวขึ้น 2.7% ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 315.51 จุด หรือ 1.79% ปิดที่ 17,280.83 จุด ดัชนี S&P 500 ลบ 33.00 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 2,002.33 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 54.57 จุด หรือ 1.16% ปิดที่ 4,653.60 จุด
สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 3.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 และดัชนี S&P ร่วง 3.5% หนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2555 หรือในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.7% ในรอบสัปดาห์
หุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงจนฉุดไม่อยู่ โดยสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนม.ค. ลดลงต่ำกว่า 58 ดอลลาร์/บาร์เรล ในวันศุกร์ หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี ราคาได้ลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552
เมื่อวันศุกร์ (12 ธ.ค.) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 57.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันได้จุดกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งถูกตอกย้ำด้วยรายงานตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค.ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่เผยแพร่วานนี้ โดย IEA ได้ปรับลดแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2558 ลงอีก 230,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 900,000 บาร์เรล/วัน จากการคาดการณ์ว่าการบริโภคเชื้อเพลิงจะลดต่ำลงในรัสเซีย และประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอื่นๆ
ด้านสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนวันศุกร์ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะขายทอง ก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งขายทำกำไร ภายหลังราคาปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาสดใสยังส่งผลให้ความต้องการลงทุนในทองคำลดลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,222.5 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองปรับตัวขึ้น 2.7% ในสัปดาห์นี้