ทางการฮ่องกงเข้ารื้อถอนเครื่องกีดขวางและเต็นท์ที่พักของจุดชุมนุมใหญ่ที่สุดของกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (11ธ.ค.) พร้อมกับจับกุมพวกผู้นำนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวอื่นๆ จำนวนกว่าสองร้อยคนซึ่งไม่ยอมถอยออกไปตามคำสั่งขีดเส้นตาย นับเป็นการสิ้นสุดของการยึดท้องถนนบริเวณสำคัญที่สุดของเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ซึ่งดำเนินมายาวนาน 2 เดือนครึ่ง ทางด้านผู้ประท้วงประกาศลั่นว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น และพวกเขาจะกลับมาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยใหม่ในวันข้างหน้า
การชุมนุมแบบตั้งค่ายพักแรมในย่านแอดมิราลตี้ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับศูนย์ราชการและย่านศูนย์การเงินของฮ่องกง ถือเป็นจุดชุมนุมหลักของการประท้วงครั้งนี้ที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนเข้าสู่วันที่ 75
เช้าวันพฤหัสบดี (11) ตำรวจศาลนำคำสั่งศาลไปยังย่านแอดมิราลตี้ และเริ่มเคลื่อนย้ายแนวรั้วกีดขวางรอบสถานที่ชุมนุมในย่านแอดมิราลตี้ ก่อนที่ตำรวจจะเคลื่อนเข้าไปจากทุกทิศทางและรื้อถอนเต็นท์ พร้อมเตือนผู้ประท้วงว่า จะจับกุมหากไม่ยอมถอนออกจากพื้นที่ดังกล่าว
เต็นท์และกระโจมที่เก็บน้ำและเสบียงอื่นๆ สำหรับผู้ประท้วง ถูกนำมากองสุมรวมกับหนังสือพิมพ์ รองเท้าแตะ กล่องกระดาษแข็ง และร่ม ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์การประท้วงหลังจากนักศึกษาใช้เป็นโล่ป้องกันสเปรย์พริกไทยของตำรวจในช่วงระยะแรกของการชุมนุมปลายเดือนกันยายน
ผู้ชุมนุมจำนวนมากเชื่อฟังคำเตือนของตำรวจและออกจากพื้นที่ชุมนุมไป แต่ยังมีนักศึกษา สมาชิกสภานิติบัญญัติ และผู้ชุมนุมอีกสองสามร้อยคน ซึ่งรวมถึงผู้สนับสนุนประชาธิปไตยวัยกลางคนและวัยปลดเกษียณ ยังคงปักหลักอยู่ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี
เมื่อตำรวจเคลื่อนใกล้เข้ามา ผู้ชุมนุมร่วมกันตะโกน “เราต้องการการเลือกตั้งอย่างเสรี” พร้อมโปรยใบปลิวมีข้อความว่า “เราจะกลับมา เราจะชนะ”
นอกจากผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่แล้ว ในบริเวณนั้นยังมีผู้สื่อข่าวหลายร้อยคน นักวิชาการราว 30 คนเฝ้าจับตาปฏิบัติการของตำรวจ เช่นเดียวกับสมาชิกของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบคำร้องเรียนเรื่องตำรวจ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ
นักศึกษาสองกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการประท้วง ได้แก่ สหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง และกลุ่มสกอร์ลาริซึม เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนปักหลักอยู่จนนาทีสุดท้าย แต่กำชับไม่ให้ขัดขืนเจ้าหน้าที่
และเมื่อครบ 30 นาทีที่ตำรวจประกาศให้ผู้ประท้วงออกจากพื้นที่โดยสมัครใจ ตำรวจซึ่งแบ่งกันเป็นกลุ่มละ 4 คน ก็เริ่มเข้าจับกุมนำตัวผู้ประท้วงที่ขัดขืนออกจากพื้นที่ บางคนก็ถูกยกตัวลอยจากพื้นและแสดงการดิ้นรนขัดขืน บางคนก็ลุกขึ้นเดินออกไปเองโดยที่มีตำรวจขนาบข้าง
ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เหนือจริง เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่า การประท้วงจะดำเนินอยู่นานกว่าสองเดือนในสถานที่ที่เงินและเวลามีความสำคัญสูงสุด
การชุมนุมแบบตั้งค่ายพักแรมในย่านแอดมิราลตี้ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับศูนย์ราชการและย่านศูนย์การเงินของฮ่องกง ถือเป็นจุดชุมนุมหลักของการประท้วงครั้งนี้ที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนเข้าสู่วันที่ 75
เช้าวันพฤหัสบดี (11) ตำรวจศาลนำคำสั่งศาลไปยังย่านแอดมิราลตี้ และเริ่มเคลื่อนย้ายแนวรั้วกีดขวางรอบสถานที่ชุมนุมในย่านแอดมิราลตี้ ก่อนที่ตำรวจจะเคลื่อนเข้าไปจากทุกทิศทางและรื้อถอนเต็นท์ พร้อมเตือนผู้ประท้วงว่า จะจับกุมหากไม่ยอมถอนออกจากพื้นที่ดังกล่าว
เต็นท์และกระโจมที่เก็บน้ำและเสบียงอื่นๆ สำหรับผู้ประท้วง ถูกนำมากองสุมรวมกับหนังสือพิมพ์ รองเท้าแตะ กล่องกระดาษแข็ง และร่ม ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์การประท้วงหลังจากนักศึกษาใช้เป็นโล่ป้องกันสเปรย์พริกไทยของตำรวจในช่วงระยะแรกของการชุมนุมปลายเดือนกันยายน
ผู้ชุมนุมจำนวนมากเชื่อฟังคำเตือนของตำรวจและออกจากพื้นที่ชุมนุมไป แต่ยังมีนักศึกษา สมาชิกสภานิติบัญญัติ และผู้ชุมนุมอีกสองสามร้อยคน ซึ่งรวมถึงผู้สนับสนุนประชาธิปไตยวัยกลางคนและวัยปลดเกษียณ ยังคงปักหลักอยู่ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี
เมื่อตำรวจเคลื่อนใกล้เข้ามา ผู้ชุมนุมร่วมกันตะโกน “เราต้องการการเลือกตั้งอย่างเสรี” พร้อมโปรยใบปลิวมีข้อความว่า “เราจะกลับมา เราจะชนะ”
นอกจากผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่แล้ว ในบริเวณนั้นยังมีผู้สื่อข่าวหลายร้อยคน นักวิชาการราว 30 คนเฝ้าจับตาปฏิบัติการของตำรวจ เช่นเดียวกับสมาชิกของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบคำร้องเรียนเรื่องตำรวจ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ
นักศึกษาสองกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการประท้วง ได้แก่ สหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง และกลุ่มสกอร์ลาริซึม เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนปักหลักอยู่จนนาทีสุดท้าย แต่กำชับไม่ให้ขัดขืนเจ้าหน้าที่
และเมื่อครบ 30 นาทีที่ตำรวจประกาศให้ผู้ประท้วงออกจากพื้นที่โดยสมัครใจ ตำรวจซึ่งแบ่งกันเป็นกลุ่มละ 4 คน ก็เริ่มเข้าจับกุมนำตัวผู้ประท้วงที่ขัดขืนออกจากพื้นที่ บางคนก็ถูกยกตัวลอยจากพื้นและแสดงการดิ้นรนขัดขืน บางคนก็ลุกขึ้นเดินออกไปเองโดยที่มีตำรวจขนาบข้าง
ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เหนือจริง เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่า การประท้วงจะดำเนินอยู่นานกว่าสองเดือนในสถานที่ที่เงินและเวลามีความสำคัญสูงสุด