ฮ่องกงเข้าสลายจุดชุมนุมใหญ่ที่สุด ปิดฉากยึดถนน-นศ.ลั่นศึกยังไม่จบ

เอเจนซีส์ - ทางการฮ่องกงเข้ารื้อถอนเครื่องกีดขวางและเต็นท์ที่พักของจุดชุมนุมใหญ่ที่สุดของกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) พร้อมกับจับกุมพวกผู้นำนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวอื่นๆ จำนวนกว่าสองร้อยคนซึ่งไม่ยอมถอยออกไปตามคำสั่งขีดเส้นตาย นับเป็นการสิ้นสุดของการยึดท้องถนนบริเวณสำคัญที่สุดของเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ซึ่งดำเนินมายาวนาน 2 เดือนครึ่ง ทางด้านผู้ประท้วงประกาศลั่นว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น และพวกเขาจะกลับมาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยใหม่ในวันข้างหน้า

การชุมนุมแบบตั้งค่ายพักแรมในย่านแอดมิราลตี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับศูนย์ราชการและย่านศูนย์การเงินของฮ่องกง ถือเป็นจุดชุมนุมหลักของการประท้วงครั้งนี้ที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนเข้าสู่วันที่ 75

ในคืนวันพุธ (10) มีผู้มาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนนับพันคน เพื่อใช้เวลาค่ำคืนสุดท้ายสำหรับ “ขบวนการร่ม” ในบริเวณดังกล่าว โดยที่ทางการประกาศให้ทราบแล้วว่า ในวันพฤหัสบดี (11) เจ้าหน้าที่จะเข้ามารื้อถอนตามคำสั่งของศาล ซึ่งตัดสินเห็นชอบกับการร้องเรียนของกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุม

ทั้งนี้ นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ รวมตัวกันเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดของเขตบริหารแห่งนี้ในปี 2017 อย่างเสรีที่สุด ทว่าแรงโมเมนตัมของการเคลื่อนไหวนี้แผ่วลงเรื่อยๆ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลฮ่องกงและจีนไม่มีทีท่ายอมประนีประนอมด้วยแต่อย่างใด

เช้าวันพฤหัสบดี (11) ตำรวจศาลนำคำสั่งศาลไปยังย่านแอดมิราลตี และเริ่มเคลื่อนย้ายแนวรั้วกีดขวางรอบสถานที่ชุมนุมในย่านแอดมิราลตี ก่อนที่ตำรวจจะเคลื่อนเข้าไปจากทุกทิศทางและรื้อถอนเต็นท์ พร้อมเตือนผู้ประท้วงว่า จะจับกุมหากไม่ยอมถอนออกจากพื้นที่ดังกล่าว

เต็นท์และกระโจมที่เก็บน้ำและเสบียงอื่นๆ สำหรับผู้ประท้วง ถูกนำมากองสุมรวมกับหนังสือพิมพ์ รองเท้าแตะ กล่องกระดาษแข็ง และร่ม ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์การประท้วงหลังจากนักศึกษาใช้เป็นโล่ป้องกันสเปรย์พริกไทยของตำรวจในช่วงระยะแรกของการชุมนุมปลายเดือนกันยายน

ผู้ชุมนุมจำนวนมากเชื่อฟังคำเตือนของตำรวจและออกจากพื้นที่ชุมนุมไป แต่ยังมีนักศึกษา สมาชิกสภานิติบัญญัติ และผู้ชุมนุมอีกสองสามร้อยคน ซึ่งรวมถึงผู้สนับสนุนประชาธิปไตยวัยกลางคนและวัยปลดเกษียณ ยังคงปักหลักอยู่ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี

เมื่อตำรวจเคลื่อนใกล้เข้ามา ผู้ชุมนุมร่วมกันตะโกน “เราต้องการการเลือกตั้งอย่างเสรี” พร้อมโปรยใบปลิวมีข้อความว่า “เราจะกลับมา เราจะชนะ”

นอกจากผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่แล้ว ในบริเวณนั้นยังมีผู้สื่อข่าวหลายร้อยคน นักวิชาการราว 30 คน เฝ้าจับตาปฏิบัติการของตำรวจ เช่นเดียวกับสมาชิกของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบคำร้องเรียนเรื่องตำรวจ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ

นักศึกษาสองกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการประท้วง ได้แก่ สหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง และกลุ่มสกอร์ลาริซึม เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนปักหลักอยู่จนนาทีสุดท้าย แต่กำชับไม่ให้ขัดขืนเจ้าหน้าที่

และเมื่อครบ 30 นาที ที่ตำรวจประกาศให้ผู้ประท้วงออกจากพื้นที่โดยสมัครใจ ตำรวจซึ่งแบ่งกันเป็นกลุ่มละ 4 คน ก็เริ่มเข้าจับกุมนำตัวผู้ประท้วงที่ขัดขืนออกจากพื้นที่ บางคนก็ถูกยกตัวลอยจากพื้นและแสดงการดิ้นรนขัดขืน บางคนก็ลุกขึ้นเดินออกไปเองโดยที่มีตำรวจขนาบข้าง

ในหมู่ผู้ที่ถูกตำรวจจับกุมนี้ นอกจากพวกผู้นำนักศึกษาแล้ว ยังมีคนดังๆ อย่างเช่น จิมมี่ ไหล เจ้าพ่อสื่อทรงอิทธิพลและถูกกล่าวหาเป็นนายทุนใหญ่หนุนหลังการต่อสู้ประท้วงคราวนี้, เดนิส โฮ นักร้องเพลงป๊อปภาษากวางตุ้งชื่อดัง, นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยรุ่นเดอะอย่าง มาร์ติน ลี และพวกสมาชิกสภานิติบัญญัติที่เป็นพวกเรียกร้องประชาธิปไตย อย่างเช่น อัลเบิร์ต โฮ

ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เหนือจริง เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่า การประท้วงจะดำเนินอยู่นานกว่าสองเดือนในสถานที่ที่เงินและเวลามีความสำคัญสูงสุด

แม้ถูกสลายการชุมนุม แต่ขบวนการออกคิวพายถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญของฮ่องกง เมื่อประชาชนต่อต้านและยืนหยัดเผชิญหน้ากับปักกิ่ง เพื่อรักษาประชาธิปไตยและเสรีภาพที่ส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธในแผ่นดินใหญ่

ป้ายสีส้มขนาดใหญ่ที่มีข้อความว่า “นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น” ตั้งเผชิญหน้ากับฐานทัพปลดแอกประชาชนของจีนในฮ่องกง

โจชัว หว่อง นักศึกษาวัย 18 ปี และเป็นหัวหน้ากลุ่มสกอลาริซึม ฝากถึงรัฐบาลว่า การเคลียร์พื้นที่ชุมนุมไม่ใช่การแก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง

อเล็กซ์ โจว ผู้นำสหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง สำทับว่า “วันนี้คุณอาจเคลียร์พื้นที่สำเร็จ แต่ประชาชนจะกลับมารวมตัวกันบนถนนในวันต่อๆ ไป”