ศึกฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014" รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. "ช้างศึก" ทีมชาติไทย เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับ "ตากาล็อก" ทีมชาติฟิลิปปินส์ เจอกันนัดแรก ไทย บุกไปเสมอมา 0-0
เปิดฉากครึ่งแรก "ช้างศึก" ครองบอลบุกหนักท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอลชาวไทยที่มากันเต็มความจุสนาม และเพียงแค่ 7 นาที พลพรรคช้างศึก ก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซัดเต็มข้อเบียดเสาเข้าไปช่วยให้ไทย ขึ้นนำ 1-0 จากนั้น "ช้างศึก" ยังครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ส่วน ฟิลิปปินส์ พยายามเข้าตัดเกมหนักเพื่อหยุดเกมรุกของไทยและใช้จังหวะโต้กลับแต่ก็ไม่ได้ สร้างความหนักใจให้แนวรับไทยมากนัก ช่วงท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 44 ประกิต ดีพร้อม หลุดเดี่ยวไปหน้าประตูแต่ดาวเตะทีโอที เอสซี ไม่ยอมยิงแต่เลือกเปิดให้ ชาริล ชัปปุยส์ ที่พุ่งเข้าชาร์จไม่โดนบอลทำให้ไทยชวดประตูที่ 2 ไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก "ช้างศึก" นำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง ฟิลิปปินส์ ออกมาเปิดเกมบุกแหลกหวังตีเสมอให้ได้ นาทีที่ 50 มาร์ติน สตูเบิล ได้จังหวะยิงไกลบอลจะเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่ กวินทร์ ธรรมสัจจนันท์ ยังบินปัดด้วยปลายมือออกหลังไป ช่วยให้ทีมไทยรอดพ้นการเสียไประตูไปอย่างหวุดหวิด จากนั้นทีมเยือนยังครองบอลบุกหนักสร้างความกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่จนแนวรับของไทยปั่นป่วนไปพักใหญ่ แต่มาถึงนาทีที่ 57 ประกิต วางบอลได้อย่างแม่นยำไปให้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เบียดกองหลังตากาล็อก เข้าเขตโทษก่อนจะแปนิ่มๆ ด้วยเท้าขวาส่งบอลตุงตาข่ายช่วยให้ทีมไทยหนีห่าง 2-0 จากนั้นทีมไทยเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้หมด นาทีที่ 77 "โค้ชซิโก้" เปลี่ยนตัวคนแรกโดยให้ ศราวุฒิ มาสุข ลงมาแทน มลคล ทศไกรนาทีที่ 79 เกริกฤทธิ์ หลุดเข้าไปส่องด้วยเท้าซ้ายแต่บอลเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย อีก 3 นาทีต่อมา ฟิลิปปินส์ เหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ มาร์ติน สตูเบิล ทำฟาวล์ประกิตจนรับใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นเหลืองแดงโดนไล่ออกจากสนามไป
ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 87 "ช้างศึก" มาได้ประตูตอกฝาโลงจากการยิงของเกริกฤทธิ์คนเดิม นับเป็นประตูที่ 2 ของ "เจ้าก้อง" อีกด้วย จบเกม ทีมไทย จึงถล่ม ฟิลิปปินส์ ไป 3-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 3-0 ไปยืนรอพบกับผู้ชนะระหว่าง เวียดนาม กับ มาเลเซีย โดยนัดแรก วันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่ง ทีมไทย จะเป็นเจ้าบ้านก่อนที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนนัดที่ 2 จะออกไปเป็นทีมเยือน ในวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งทั้ง 2 นัด แข่งขันในวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
เปิดฉากครึ่งแรก "ช้างศึก" ครองบอลบุกหนักท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอลชาวไทยที่มากันเต็มความจุสนาม และเพียงแค่ 7 นาที พลพรรคช้างศึก ก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซัดเต็มข้อเบียดเสาเข้าไปช่วยให้ไทย ขึ้นนำ 1-0 จากนั้น "ช้างศึก" ยังครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ส่วน ฟิลิปปินส์ พยายามเข้าตัดเกมหนักเพื่อหยุดเกมรุกของไทยและใช้จังหวะโต้กลับแต่ก็ไม่ได้ สร้างความหนักใจให้แนวรับไทยมากนัก ช่วงท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 44 ประกิต ดีพร้อม หลุดเดี่ยวไปหน้าประตูแต่ดาวเตะทีโอที เอสซี ไม่ยอมยิงแต่เลือกเปิดให้ ชาริล ชัปปุยส์ ที่พุ่งเข้าชาร์จไม่โดนบอลทำให้ไทยชวดประตูที่ 2 ไปอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก "ช้างศึก" นำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง ฟิลิปปินส์ ออกมาเปิดเกมบุกแหลกหวังตีเสมอให้ได้ นาทีที่ 50 มาร์ติน สตูเบิล ได้จังหวะยิงไกลบอลจะเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่ กวินทร์ ธรรมสัจจนันท์ ยังบินปัดด้วยปลายมือออกหลังไป ช่วยให้ทีมไทยรอดพ้นการเสียไประตูไปอย่างหวุดหวิด จากนั้นทีมเยือนยังครองบอลบุกหนักสร้างความกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่จนแนวรับของไทยปั่นป่วนไปพักใหญ่ แต่มาถึงนาทีที่ 57 ประกิต วางบอลได้อย่างแม่นยำไปให้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ เบียดกองหลังตากาล็อก เข้าเขตโทษก่อนจะแปนิ่มๆ ด้วยเท้าขวาส่งบอลตุงตาข่ายช่วยให้ทีมไทยหนีห่าง 2-0 จากนั้นทีมไทยเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้หมด นาทีที่ 77 "โค้ชซิโก้" เปลี่ยนตัวคนแรกโดยให้ ศราวุฒิ มาสุข ลงมาแทน มลคล ทศไกรนาทีที่ 79 เกริกฤทธิ์ หลุดเข้าไปส่องด้วยเท้าซ้ายแต่บอลเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย อีก 3 นาทีต่อมา ฟิลิปปินส์ เหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ มาร์ติน สตูเบิล ทำฟาวล์ประกิตจนรับใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นเหลืองแดงโดนไล่ออกจากสนามไป
ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 87 "ช้างศึก" มาได้ประตูตอกฝาโลงจากการยิงของเกริกฤทธิ์คนเดิม นับเป็นประตูที่ 2 ของ "เจ้าก้อง" อีกด้วย จบเกม ทีมไทย จึงถล่ม ฟิลิปปินส์ ไป 3-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 3-0 ไปยืนรอพบกับผู้ชนะระหว่าง เวียดนาม กับ มาเลเซีย โดยนัดแรก วันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่ง ทีมไทย จะเป็นเจ้าบ้านก่อนที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนนัดที่ 2 จะออกไปเป็นทีมเยือน ในวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งทั้ง 2 นัด แข่งขันในวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
