สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิพากษา คดีดำที่ อม.6/2557 มีอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้ร้อง น.ส.นฤมล หรือณัฐกมล หรือณฐกมล หรืออินทร์ริตา นนทะโชติ หรือนนทะวัชรศิริโชติ เป็นผู้ถูกกล่าวหา กรณีให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติเป็นของแผ่นดิน
โดยศาลฎีกาฯ มีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ พิพากษาให้ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 68,104,000 บาท ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งยึดหรืออายัดไว้ชั่วคราวตามคำสั่งที่ 8-11/2556 ลงวันที่ 15 มกราคม 2556 พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
ให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งมอบทรัพย์สินหรือชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่กระทรวงการคลัง หากไม่ส่งมอบทรัพย์สินหรือไม่ชำระเงินให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหา แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งมอบเอกสารสิทธิและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือเงิน 68,104,000 บาท แก่กระทรวงการคลัง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ณัฐกมล รวมถึงทนายความไม่ได้เข้าร่วมฟังคำพิพากษา และไม่ได้ระบุเหตุผลในการไม่เข้ารับฟังคำพิพากษาในคดีนี้แต่อย่างใด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.ณฐกมล นนทะโชติ กรณีเข้ารับตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2548 และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ฟังได้ว่า น.ส.ณฐกมล มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวม 3 กรณี ดังนี้
1.กรณีรับเงินมาจาก พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ (บิดา) ซึ่งเป็นเงินที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (อดีตนายกรัฐมนตรี) มอบให้ พล.อ.สัมฤทธิ์ ไว้ใช้จ่ายตามโครงการต่าง ๆ จำนวน 40 ล้านบาท โดยอ้างว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินดังกล่าว รับฟังไม่ได้
2.กรณีขายบ้านเลขที่ 35/150-151 พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 20470-20471 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 16 ล้านบาท โดยอ้างว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินดังกล่าว รับฟังไม่ได้
3.กรณีรับให้เงินจำนวน 12 ล้านบาทเศษ จาก พล.อ.ชวลิต โดยอ้างว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินดังกล่าว รับฟังไม่ได้
จึงให้ส่งเอกสารทั้งหมดที่มีอยู่พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบไปยัง อสส. เพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาฯ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินของ น.ส.ณฐกมล ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 38 วรรคสอง
สำหรับ น.ส.ณฐกมล เป็นบุตรสาวของ พล.อ.สัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต
โดยศาลฎีกาฯ มีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ พิพากษาให้ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 68,104,000 บาท ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งยึดหรืออายัดไว้ชั่วคราวตามคำสั่งที่ 8-11/2556 ลงวันที่ 15 มกราคม 2556 พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
ให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งมอบทรัพย์สินหรือชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่กระทรวงการคลัง หากไม่ส่งมอบทรัพย์สินหรือไม่ชำระเงินให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหา แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งมอบเอกสารสิทธิและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือเงิน 68,104,000 บาท แก่กระทรวงการคลัง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ณัฐกมล รวมถึงทนายความไม่ได้เข้าร่วมฟังคำพิพากษา และไม่ได้ระบุเหตุผลในการไม่เข้ารับฟังคำพิพากษาในคดีนี้แต่อย่างใด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.ณฐกมล นนทะโชติ กรณีเข้ารับตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2548 และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ฟังได้ว่า น.ส.ณฐกมล มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวม 3 กรณี ดังนี้
1.กรณีรับเงินมาจาก พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ (บิดา) ซึ่งเป็นเงินที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (อดีตนายกรัฐมนตรี) มอบให้ พล.อ.สัมฤทธิ์ ไว้ใช้จ่ายตามโครงการต่าง ๆ จำนวน 40 ล้านบาท โดยอ้างว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินดังกล่าว รับฟังไม่ได้
2.กรณีขายบ้านเลขที่ 35/150-151 พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ 20470-20471 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 16 ล้านบาท โดยอ้างว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินดังกล่าว รับฟังไม่ได้
3.กรณีรับให้เงินจำนวน 12 ล้านบาทเศษ จาก พล.อ.ชวลิต โดยอ้างว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินดังกล่าว รับฟังไม่ได้
จึงให้ส่งเอกสารทั้งหมดที่มีอยู่พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบไปยัง อสส. เพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาฯ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินของ น.ส.ณฐกมล ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 38 วรรคสอง
สำหรับ น.ส.ณฐกมล เป็นบุตรสาวของ พล.อ.สัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต