รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.ได้ติดตามสภาพการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักมากที่สุดในประเทศ โดยได้ทำการสำรวจความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์ในแต่ละปี เพื่อนำมาประเมินผลการแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งจากการสำรวจอัตราความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์ในปี 2557 ยังพบว่า ถนนสายหลัก 6 กลุ่มพื้นที่ได้แก่ 1.พื้นที่ทิศเหนือ คือ ถนนพหลโยธิน, วิภาวดีรังสิต, ประชาชื่น, พระราม5 2.พื้นที่ทิศใต้ คือ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี, มไหสวรรย์, เจริญกรุง 3.พื้นที่ทิศตะวันออก คือ ถนนพระราม9, เพชรบุรี, สุขุมวิท, พระราม 4, ลาดพร้าว 4.พื้นที่ทิศตะวันตก คือ ถนนสิรินธร, บรมราชชนนีราชวิถี, เพชรเกษม, สมเด็จพระปิ่นเกล้า 5.พื้นที่ภายในวงแหวนชั้นใน คือ ถนนพระราม 4, พระราม 5, พระราม 1, ราชดำเนินกลาง, อโศก-ดินแดง, ราชวิถี, พญาไท, เพชรบุรี, สุขุมวิท, เพลินจิต 6.พื้นที่เฉพาะวงแหวนชั้นใน คือ ถนนรัชดาภิเษก, พระราม 3, มไหสวรรย์, จรัญสนิทวงศ์ ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น รถสามารถเคลื่อนตัวได้ช้า มีความเร็วเฉลี่ยของรถได้ไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยพื้นที่ที่มีความเร็วเฉลี่ยของรถลดน้อยลงมากที่สุด คือถนนสุขุมวิท, พหลโยธิน, รัชดาภิเษก, ลาดพร้าว และพระราม 5
รายงานข่าว ระบุต่อว่า ทั้งนี้สาเหตุของการเกิดสภาพการจราจรติดขัด เนื่องจากปริมาณรถบนท้องถนนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 มีปริมาณการจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,500 คัน/วัน อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่กระทบต่อสภาพการจราจร โดยโครงการก่อสร้างที่ส่งผลให้การจราจรติดขัดสูงสุด ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ), โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค), โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ), โครงการสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกไฟฉาย และโครงการสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกมไหสวรรย์
อย่างไรก็ตาม ปี 2558 สภาพการจราจรจะยังคงติดขัดอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนรถที่เพิ่มมากขึ้นและโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่ยังดำเนินต่อไป ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือการบริหารจัดการจราจรแบบองค์รวม โดยตำรวจจราจรในทุกพื้นที่ ต้องมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน เพื่อระบายรถในพื้นที่ติดขัดให้เร็วที่สุด
โดยพื้นที่ที่มีความเร็วเฉลี่ยของรถลดน้อยลงมากที่สุด คือถนนสุขุมวิท, พหลโยธิน, รัชดาภิเษก, ลาดพร้าว และพระราม 5
รายงานข่าว ระบุต่อว่า ทั้งนี้สาเหตุของการเกิดสภาพการจราจรติดขัด เนื่องจากปริมาณรถบนท้องถนนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 มีปริมาณการจดทะเบียนรถใหม่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,500 คัน/วัน อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่กระทบต่อสภาพการจราจร โดยโครงการก่อสร้างที่ส่งผลให้การจราจรติดขัดสูงสุด ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ), โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค), โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ), โครงการสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกไฟฉาย และโครงการสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกมไหสวรรย์
อย่างไรก็ตาม ปี 2558 สภาพการจราจรจะยังคงติดขัดอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนรถที่เพิ่มมากขึ้นและโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่ยังดำเนินต่อไป ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือการบริหารจัดการจราจรแบบองค์รวม โดยตำรวจจราจรในทุกพื้นที่ ต้องมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน เพื่อระบายรถในพื้นที่ติดขัดให้เร็วที่สุด
