xs
xsm
sm
md
lg

จับหนุ่มซิ่งเก๋งพกปืนขึ้นลำ อ้างมีไว้เพื่อป้องกันตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ตร.จราจรบุคคโลตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร ตรวจค้นรถต้องสงสัยจับกุมผู้ต้องหาพกพาอาวุธอาวุธปืนขึ้นลำพร้อมใช้งาน สารภาพมีไว้เพื่อป้องกันตัว ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่มีเงินหมุนเวียนครั้งและแสน ควบคุมตัวไปสอบปากคำขยายผล

วันนี้ (14 ก.ค.) พ.ต.อ.จิณวัตร ก้อนทองดี ผกก.สน.บุคคโล พร้อมด้วย พ.ต.ท.อดุลย์ ดอกพวง รอง ผกก.จร.สน.บุคคโล และ พ.ต.ท.ชยันต์ เบ็ญจาธิกุล สว.จร.สน.บุคคโล ร่วมกันจับกุม นายธวัช กิตติโชค หรือปอ อายุ 28 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อบาเร็ตต้า ถูกขูดลบหมายเลขทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 38 นัด เสื้อเกราะอ่อนของต่างประเทศ 1 ตัว และรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว-ดำ หมายเลขทะเบียน สล 4199 กรุงเทพมหานคร จับกุมตัวได้ขณะขับรถผ่านด่านกวดขันวินัยการจราจรบริเวณแยกบุคคโล ถ.มไหสวรรย์ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.

พ.ต.อ.จิณวัตรกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บุคคโล กำลังตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ต่อมาพบรถเก๋งซึ่งมีลักษณะแต่งซิ่ง โหลดเตี้ยติดอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน ขับมาจากถนนราษฎร์บูรณะเลี้ยวซ้ายมาทางแยกมไหสวรรย์ เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น โดยมีนายธวัช ผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่ เมื่อตรวจสอบพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.อยู่ในลักษณะขึ้นลำพร้อมใช้ พร้อมกระสุนใส่อยู่ในกระเป๋าวางอยู่ข้างตัว นอกจากนี้ยังพบเสื้อเกราะอ่อนวางอยู่ที่เบาะหลังจึงควบคุมตัวและของกลางมาสอบสวนที่ สน.บุคคโล

จากการสอบสวนนายธวัชให้การยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2549 เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด จับกุมดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า หลังใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงคู่อริได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คดีจบไปแล้ว โดยปัจจุบันไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ทำเพียงช่วยแม่ขายอาหารตามสั่งอยู่แถวบ้านย่านบางพลัด ซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวตนซื้อมาในราคา 40,000 บาท จากเพื่อนของเพื่อน โดยไม่ทราบว่าเป็นปืนทะเบียนของใคร แต่ที่พกไว้ก็เพื่อป้องกันตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ไปเที่ยวผับใน จ.นนทบุรีแล้วถูกคู่อริไล่ยิง สำหรับเสื้อเกราะมีไว้ใส่เล่นบีบีกันจึงนำมาติดรถไว้เท่านั้น โดยไม่ทราบว่าเป็นเสื้อเกราะของจริง

พ.ต.ท.ชยันต์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหามากนัก เนื่องจากการพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะในลักษณะขึ้นลำพร้อมใช้ ถือว่าเป็นอันตรายมาก นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของผู้ต้องหา พบว่ามีหลักฐานการรับเงินโอนเงินซึ่งมียอดคราวละหลักแสนบาท รวมเงินหมุนเวียนเป็นล้านบาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะกันกระสุน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งข้อมูลให้ฝ่ายสืบสวนหาเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น