วันนี้ (21 พ.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.898/2552 ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด และบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ,328 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 14 มกราคม 52 กล่าวหานายจตุพร ทำนองว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ไม่มีใครเชื่อคำพูด ได้รับใบปริญญามาโดยการใช้อภิสิทธิ์ และมีท่อน้ำเลี้ยงเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยต่อมาโจทก์ได้ถอนฟ้องเฉพาะ บ.ไทยเดย์ และบ.เอเอสทีวีฯ จำเลยที่ 2 -3
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 เห็นว่านายวัชระ จำเลย มีความผิด ตามมาตรา 328 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงรอการลงอาญา 1 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับ เป็นเวลา 7 วัน ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า "ท่อน้ำเลี้ยง" เป็นคำกลางๆ ใช้เปรียบเทียบ เปรียบเปรยทั่วไป ไม่ได้บ่งชี้ลักษณะดีหรือเลว อีกทั้งไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง และไม่ได้หมายถึงบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานใด แต่เป็นเงินทุนที่รับบริจาคจากประชาชนทั่วไปก็ได้นั้น
ศาลเห็นว่า "ท่อน้ำเลี้ยง" หมายถึงการให้หรือสนับสนุนเงินทุน ไม่ใช่เงินบริจาคจากประชาชน คำพูดของจำเลยที่ 1 จึงย่อมทำให้เข้าใจว่า โจทก์ได้รับเงินมาโดยไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย ดังนั้นพยานหลักฐานโจทก์ ที่นำสืบมารับฟังได้ว่า คำกล่าวของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนคำพูดที่ว่า "พี่น้องตระกูลพรหมพันธุ์ ไม่นับจำเลยเป็นคนในตระกูล" ซึ่งจำเลยอุทธรณ์ว่า คำพูดดังกล่าวเป็นถ้อยคำเสียดสี เปรียบเปรย แม้จะเป็นคำไม่สุภาพแต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้ประชาชนหลงเชื่อ หรือดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ เพราะพรรคเพื่อไทยยังมีมติให้โจทก์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2554 และได้รับเลือกจากประชาชนให้เป็น ส.ส. แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังชื่นชอบในตัวโจทก์อยู่ คำกล่าวของจำเลยจึงถือเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมย่อมกระทำได้นั้น
ศาลเห็นว่าคำกล่าวของจำเลยที่ 1 เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า โจทก์มีความประพฤติเสื่อมเสีย จนคนในตระกูลไม่อาจรับโจทก์เข้าร่วมในตระกูลด้วย ประกอบกับที่จำเลยกล่าวหาโจทก์เรื่องท่อน้ำเลี้ยง ก็ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ใช่การเปรียบเทียบตามที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้าง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกนายวัชระ จำเลย 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 เห็นว่านายวัชระ จำเลย มีความผิด ตามมาตรา 328 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงรอการลงอาญา 1 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับ เป็นเวลา 7 วัน ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า "ท่อน้ำเลี้ยง" เป็นคำกลางๆ ใช้เปรียบเทียบ เปรียบเปรยทั่วไป ไม่ได้บ่งชี้ลักษณะดีหรือเลว อีกทั้งไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง และไม่ได้หมายถึงบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานใด แต่เป็นเงินทุนที่รับบริจาคจากประชาชนทั่วไปก็ได้นั้น
ศาลเห็นว่า "ท่อน้ำเลี้ยง" หมายถึงการให้หรือสนับสนุนเงินทุน ไม่ใช่เงินบริจาคจากประชาชน คำพูดของจำเลยที่ 1 จึงย่อมทำให้เข้าใจว่า โจทก์ได้รับเงินมาโดยไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย ดังนั้นพยานหลักฐานโจทก์ ที่นำสืบมารับฟังได้ว่า คำกล่าวของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนคำพูดที่ว่า "พี่น้องตระกูลพรหมพันธุ์ ไม่นับจำเลยเป็นคนในตระกูล" ซึ่งจำเลยอุทธรณ์ว่า คำพูดดังกล่าวเป็นถ้อยคำเสียดสี เปรียบเปรย แม้จะเป็นคำไม่สุภาพแต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้ประชาชนหลงเชื่อ หรือดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ เพราะพรรคเพื่อไทยยังมีมติให้โจทก์เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2554 และได้รับเลือกจากประชาชนให้เป็น ส.ส. แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังชื่นชอบในตัวโจทก์อยู่ คำกล่าวของจำเลยจึงถือเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมย่อมกระทำได้นั้น
ศาลเห็นว่าคำกล่าวของจำเลยที่ 1 เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า โจทก์มีความประพฤติเสื่อมเสีย จนคนในตระกูลไม่อาจรับโจทก์เข้าร่วมในตระกูลด้วย ประกอบกับที่จำเลยกล่าวหาโจทก์เรื่องท่อน้ำเลี้ยง ก็ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ใช่การเปรียบเทียบตามที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้าง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกนายวัชระ จำเลย 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี