xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นสหรัฐฯปิดลบ หลังแบงค์ยักษ์เจอปรับฐานปั่นตลาดเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในกรอบแคบๆเมื่อวันพุธ(12ก.ย.) โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ขยับลงในช่วงท้ายของการซื้อขายจากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มการเงิน หลังคณะกรรมการกำกับดูแลหลายแห่งของโลก สั่งปรับเงิน 5 ธนาคารยักษ์ใหญ่ โทษฐานพยายามปั่นตลาดอัตราแลกเปลี่ยน แต่แนสแดค ดีดขึ้นจากแอปเปิลและยาฮู

ดาวโจนส์ ลดลง 2.70 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,612.20 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.43 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,038.25 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 14.57 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,675.13 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการของภาคเอกชนสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัว 0.6% ในเดือนส.ค. นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า สต็อกสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่สต็อกสินค้าไม่คงทนหดตัวลง 0.6% ในเดือนดังกล่าว

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ อังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ มีคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ 5 แห่งจ่ายเงินเพื่อยุติข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปั่นค่าเงินในตลาดปริวรรตเงินตรา โดยธนาคารดังกล่าวได้แก่ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เอชเอสบีซี โฮลดิงส์, รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ และยูบีเอส ส่วนจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพื่อยุติข้อกล่าวหาในครั้งนี้ มีมูลค่ารวม 3.3 พันล้านดอลลาร์

หุ้นซิตี้กรุ๊ปปรับตัวลง 0.7% ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอน์ โค ร่วงลง 1.3% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลง 0.2%

นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงวอล-มาร์ท ซึ่งจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ เนื่องจากใกล้จะถึงเทศกาลจับจ่ายใช้สอยในวันหยุดของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ

ส่วนบริษัทค้าปลีกที่ได้เปิดเผยผลประกอบการเมื่อวานนั้น บริษัทเมซี อิงค์ ระบุว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 30% เทียบรายปี สู่ระดับ 61 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับลดคาดกาณ์ยอดขายในเทศกาลวันหยุดปลายปีนี้ด้วย โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเมซี พุ่งขึ้น 5.09%

ขณะที่บริษัทเจซี เพนนี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งนั้น รายงานว่าบริษัทมีผลประกอบการ 2.76 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น