xs
xsm
sm
md
lg

SPA ซื้อขายในmai 31ต.ค.นี้-เข้าสังกัดกลุ่มบริการม.ค.58

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 31 ตุลาคม 2557 นับเป็นผู้ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพรายแรกที่เข้าจดทะเบียนใน mai

ณ สิงหาคม 2557 SPA มีสาขาให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย รวม 13 สาขา ใน 6 จังหวัด ภายใต้ 3 แบรนด์คือ 1. RarinJinda Wellness Spa (5 ดาว) 3 สาขา 2. Let's Relax (4 ดาว) 9 สาขา และ 3. Sabaii by Let's Relax (3 ดาว) 1 สาขา นอกจากนี้ SPA ยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โรงแรมระรินจินดาเวลเนสสปา รีสอร์ท, ร้านอาหาร Deck 1, ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา และโรงเรียนนวดแผนไทยบลูมมิ่งเพื่อผลิตพนักงานรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

SPA มีทุนชำระแล้ว 142.5 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 170 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)ในราคาหุ้นละ 1.70 บาท เมื่อวันที่ 20 - 22 ตุลาคม 2557 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 289 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 969 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด และ บริษัท เอแคป คอร์ปอเรท เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPA เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ SPA เป็นผู้ให้บริการด้านสปารายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยจะนำเงินระดมทุนครั้งนี้ ไปชำระหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน และนำไปลงทุนขยายสาขาและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายขยายสาขาใหม่อย่างน้อยปีละไม่ต่ำกว่า 3 สาขา
SPA มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มอุตสาหจิต ถือหุ้น 50.06% กลุ่มจิราวรรณสถิตย์ ถือหุ้น 20.11% กลุ่มมรกต ถือหุ้น 0.9% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ ต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 24.29 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 กรกฎาคม 2556 - 30 มิถุนายน 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่างๆทั้งหมด

ในวันทำการแรกของเดือนมกราคม 2558 mai จะนำหลักทรัพย์จัดแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (mai Industry group) 8 กลุ่ม ตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ซึ่ง SPA จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริการ (SERVICE)
กำลังโหลดความคิดเห็น