xs
xsm
sm
md
lg

สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) เตรียมIPO เป็นสปารายแรกในตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สยามเวลเนสกรุ๊ป เตรียมดันสปาไทยเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นเจ้าแรกภายใต้ชื่อ “SPA” พร้อมเดินหน้าโรดโชว์ 5 จังหวัดกรุงเทพฯ, หาดใหญ่, เชียงใหม่, ชลบุรี และโคราช หลังแนวโน้ม ธุรกิจสปาได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น คาดปีนี้เปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 สาขา เตรียมความพร้อมรองรับ AEC
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ผู้ประกอบการสปาชั้นนำครบวงจรบริหารงานโดยผู้บริหารคนไทยได้รับการยอบรับอย่างสูงในระดับสากล เปิดเผยว่า บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสปาชั้นนำ ที่มี มาตรฐานครบวงจรที่สุดในประเทศไทยที่เปิดบริการมากว่า 15 ปี บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจอย่างมีเป้าหมาย และมีกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างชัดเจน ปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการสปาภายใต้ 2 แบรนด์ คือ ระรินจินดา เวลเนส สปา ระดับ 5 ดาว และเล็ทส์ รีแลกซ์ สปาระดับ 4 ดาว รวมถึงโรงแรมระรินจินดา เวลเนสสปา รีสอร์ท ซึ่งเป็นบูติคโฮเทลที่ได้รับรางวัลระดับสากลจำนวนมาก ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสปา ทั้งหมด 13 สาขา รวมถึงสาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดบริการ คือ เล็ทส์ รีแลกซ์ สปา หัวหิน และ เล็ทส์ รีแลกซ์ สปา สยามสแควร์วัน (ติดสถานี BTS สยาม)

“บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพื่อขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และคาดว่าจะเป็นผู้ให้บริการสปารายแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ถือเป็นการยกระดับผู้ให้บริการสปาไทยที่มีทั้งมาตรฐานการดำเนินบริการและการดำเนินงานระดับสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก (โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากคณะกรรมการ กลต.) คาดว่าน่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 170 ล้านหุ้น ให้แก่นักลงทุนรายย่อยได้ในไตรมาสนี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการโรดโชว์นำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพ เชียงใหม่ หาดใหญ่ พัทยา และ โคราช
สำหรับผลประกอบการที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2556 มีรายได้ รวม 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปี 2555 ที่มีรายได้รวม 248 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มี รายได้รวม 211 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 55% ภายใน 3 ปี โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจสปาคิดเป็นร้อยละ 78 รายได้ของธุรกิจรีสอร์ทและร้านอาหารคิดเป็นร้อยละ 16 และรายได้ของธุรกิจสปาโปรดักส์

คิดเป็นร้อยละ 4 ขณะเดียวกันบริษัทมีกำไรสุทธิขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท ใน ปี 2554 เป็นกำไรสุทธิ 49 ล้านบาทในปี 2555 และเป็นกำไรสุทธิ 55 ล้านบาทในปี 2556 คิดเป็นการ เติบโต 244% ภายใน 3 ปี โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32% ในปี 2555 และ 41% ในปี 2556 และมี อัตรากำไรสุทธิสูง (Net Margin) 20% ในปี 2555 และ 17% ในปี 2556 ส่วนในครึ่งปีแรก 2557 บริษัทฯ มี รายได้ 143 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิลดลงเป็นประมาณ 6 ล้านบาท เนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองที่ยาวนานกว่า 7 เดือน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่งมาก อย่างไรก็ดีในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 คาดว่าแนว โน้มธุรกิจจะดีขึ้นพอสมควร เนื่องจากการเมืองสงบ การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด”

นายประเสริฐ จิราวรรณสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA กล่าวว่า “บริษัทฯ เล็งเห็นการเติบโตของธุรกิจสปาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งจากการที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะทำให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในธุรกิจสปาเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ธุรกิจสปาในประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านสปาครบวงจร และมีประสบการณ์ตรง บริษัทได้มีการพัฒนาการบริการของสยามเวลเนสกรุ๊ปให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นโดยบูรณาการหลักวิชาการบำบัดที่ประยุกต์มาจากภูมิปัญญาไทย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย อาทิ World Luxury Hotels Awards, Thailand Tourism Award, Asia Wellness & Spa Gold Awards ฯลฯ”

ทั้งนี้ เพื่อการขยายธุรกิจเเละการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปีพ.ศ. 2558 ซึ่งจะมีปริมาณนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจชาวต่างชาติ เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้าน คน บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นหลายแห่งตามเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย โดยจะ เปิดสาขาเพิ่มประมาณปีละ 2-3 แห่ง จึงวางแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 142.5 ล้านบาท และ เข้าจด ทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมีบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเป็นการรองรับการทำธุรกิจ ที่มีการ ขยายตัว โดยจะนำเงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนหรือ IPO ในการเพิ่มจำนวนสาขา ชำระหนี้ และเพิ่มเงิน
ทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งจะส่งผลให้โครงสร้าง ทางการเงิน ของบริษัทมีความแข็งแกร่ง เพิ่มมากขึ้นและมีการเติบโตทางธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวภายใต้การบริหารจัดการ รวมถึง การบริการอย่างมีประสิทธิภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น