นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ปรับเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ใน 5 สำนักงานศุลกากรหลัก ได้แก่ 1.สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จัดเก็บรายได้มากที่สุด 2. สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (ท่าเรือคลองเตย)3. สำนักงานศุลกากรลาดกระบัง 4.สำนักงานกรมศุลกากรกรุงเทพภาคที่ 1 มีคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วประเทศและ 5. สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคลังสินค้าสุวรรณภูมิ ทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนจัดเก็บรายได้ภาพถึง 80% ของรายได้ภาพรวม จะทำให้รายได้ของกรมฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ 5 สำนักงาน เพิ่มขึ้น 20% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อสำนักงานจากปัจจุบันรายได้อยู่ที่ 40-50 ล้านบาท
ล่าสุด ได้สั่งโยกย้ายระดับซี 9 แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรทั้ง 5 สำนักงานใหม่ เพื่อเข้ามาสนับสนุนนโยบายของ กรมฯ หลังจากนี้จะต้องใช้มาตรฐานในการปฏิบัติต่อผู้นำเข้าจะใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเท่าเทียบกัน เพื่อปิดช่องโหว่เงินรายได้รั่วไหล จากที่ผ่านมาแต่ละสำนักงานศุลกากรมีความเข้มงวดต่างกันทำผู้นำเข้าไปใช้บริการอีกสำนักงานที่เข้มงวดน้อยกว่าหรือผ่อนปรนให้มากกว่า
รวมทั้งสำนักงานศุลกากรที่มีคลังสินค้าทัณฑ์บนและเขตปลอดอากรภายใน จะต้องมีแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้น เช่นการตรวจปล่อยรถหรูและวิธีการทางศุลกากรจะดำเนินการกับผู้ประกอบการเข้มงวดมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในช่วงแรกบ้าง ต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวและปรับปรุงไปพร้อมๆกัน นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าอ่อนไหวหรือหลักลอบนำเข้าสินค้าลิขสิทธิ์ ต้องให้มีการนำเข้าสินค้าอย่างถูกต้อง และพยายามป้องกันจุดรั่วไหลในหลายๆด่านศุลกากร เช่น ด่านอรัญประเทศ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าการรั่วไหลจากมูลค่า 1-2 แสนล้านบาท มีโอกาสเพิ่มถึง 5 ล้านกว่าบาท แต่ก็ยังไม่มีนัยสำคัญทำให้รายได้ของกรมศุลกากรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
นายสมชัย มั่นใจว่า จากการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิการจัดเก็บรายได้ดังกล่าว จะทำให้ในปีงบประมาณ 2558 เก็บรายได้ตามเป้า 112,800 ล้านบาท ประกอบกับไอเอ็มเอฟและเวิร์ลแบงก์ ยังคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกและการนำเข้าปีหน้า ยังขยายตัวได้ดีขึ้น ดังนั้นขณะนี้กรมศุลกากร ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศอย่างใกล้ชิด จากขณะนี้มูลค่าการนำยังไม่ขยายตัวตามที่คาด อาจจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้หลักของกรมศุลกากร
ล่าสุด ได้สั่งโยกย้ายระดับซี 9 แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรทั้ง 5 สำนักงานใหม่ เพื่อเข้ามาสนับสนุนนโยบายของ กรมฯ หลังจากนี้จะต้องใช้มาตรฐานในการปฏิบัติต่อผู้นำเข้าจะใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเท่าเทียบกัน เพื่อปิดช่องโหว่เงินรายได้รั่วไหล จากที่ผ่านมาแต่ละสำนักงานศุลกากรมีความเข้มงวดต่างกันทำผู้นำเข้าไปใช้บริการอีกสำนักงานที่เข้มงวดน้อยกว่าหรือผ่อนปรนให้มากกว่า
รวมทั้งสำนักงานศุลกากรที่มีคลังสินค้าทัณฑ์บนและเขตปลอดอากรภายใน จะต้องมีแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้น เช่นการตรวจปล่อยรถหรูและวิธีการทางศุลกากรจะดำเนินการกับผู้ประกอบการเข้มงวดมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในช่วงแรกบ้าง ต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวและปรับปรุงไปพร้อมๆกัน นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าอ่อนไหวหรือหลักลอบนำเข้าสินค้าลิขสิทธิ์ ต้องให้มีการนำเข้าสินค้าอย่างถูกต้อง และพยายามป้องกันจุดรั่วไหลในหลายๆด่านศุลกากร เช่น ด่านอรัญประเทศ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าการรั่วไหลจากมูลค่า 1-2 แสนล้านบาท มีโอกาสเพิ่มถึง 5 ล้านกว่าบาท แต่ก็ยังไม่มีนัยสำคัญทำให้รายได้ของกรมศุลกากรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
นายสมชัย มั่นใจว่า จากการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิการจัดเก็บรายได้ดังกล่าว จะทำให้ในปีงบประมาณ 2558 เก็บรายได้ตามเป้า 112,800 ล้านบาท ประกอบกับไอเอ็มเอฟและเวิร์ลแบงก์ ยังคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกและการนำเข้าปีหน้า ยังขยายตัวได้ดีขึ้น ดังนั้นขณะนี้กรมศุลกากร ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศอย่างใกล้ชิด จากขณะนี้มูลค่าการนำยังไม่ขยายตัวตามที่คาด อาจจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้หลักของกรมศุลกากร
