น.ส.พชรศศิ ช่างพิมพ์ ผู้จัดการ สหกรณ์แท็กซี่สยาม จำกัด ระบุว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (28 ต.ค.) กลุ่มเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่สยามในกรุงเทพมหานคร จะชี้แจงถึงแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ของกรมการขนส่งทางบก
ทั้งนี้ มีบางประเด็นที่ผู้ประกอบการไม่เห็นด้วย เช่น การให้ปรับจูนมิเตอร์ 2 รอบ เนื่องจากเห็นว่าระยะเวลาการปรับจูนห่างกันเพียง 1 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่เสียเวลา และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การขึ้นค่าโดยสารร้อยละ 8-13 ก็ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากปัจจุบันมีการขึ้นราคาแอลพีจีไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 60 สตางค์ จึงควรนำต้นทุนที่แท้จริงมากำหนดการปรับค่าโดยสาร ซึ่งควรมากกว่าร้อยละ 13 รวมทั้งขอให้มีการเข้มงวดกับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการ
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ก่อนการปรับค่าโดยสารต้องพัฒนาคุณภาพของรถแท็กซี่โดยสาร ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับจูนมิเตอร์ ซึ่งตามนโยบายจะปรับมิเตอร์ 2 รอบ โดยจะลดค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องผ่านการตรวจสอบสภาพรถก่อน จึงจะได้สติกเกอร์ติดหน้ารถ เพื่อแสดงว่าผ่านการตรวจสภาพแล้ว จากนั้นก็สามารถปรับจูนมิเตอร์ สำหรับอัตราค่าบริการใหม่ได้
ทั้งนี้ มีบางประเด็นที่ผู้ประกอบการไม่เห็นด้วย เช่น การให้ปรับจูนมิเตอร์ 2 รอบ เนื่องจากเห็นว่าระยะเวลาการปรับจูนห่างกันเพียง 1 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการแท็กซี่เสียเวลา และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การขึ้นค่าโดยสารร้อยละ 8-13 ก็ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากปัจจุบันมีการขึ้นราคาแอลพีจีไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 60 สตางค์ จึงควรนำต้นทุนที่แท้จริงมากำหนดการปรับค่าโดยสาร ซึ่งควรมากกว่าร้อยละ 13 รวมทั้งขอให้มีการเข้มงวดกับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการ
นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ก่อนการปรับค่าโดยสารต้องพัฒนาคุณภาพของรถแท็กซี่โดยสาร ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับจูนมิเตอร์ ซึ่งตามนโยบายจะปรับมิเตอร์ 2 รอบ โดยจะลดค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องผ่านการตรวจสอบสภาพรถก่อน จึงจะได้สติกเกอร์ติดหน้ารถ เพื่อแสดงว่าผ่านการตรวจสภาพแล้ว จากนั้นก็สามารถปรับจูนมิเตอร์ สำหรับอัตราค่าบริการใหม่ได้
