นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะมีการพิจารณารายชื่อบุคคลที่จะทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีโควต้า ครม. 5 คน และ คสช. 6 คน ว่า การประชุมในวันดังกล่าวอาจเป็น 2 รูปแบบ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.อาจเสนอรายชื่อบุคคลเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โควต้าของ ครม. จากนั้นฝ่าย คสช.ก็เสนอชื่อคนในโควต้าของตัวเองให้ที่ประชุมเลย เพื่อจะได้พิจารณาพร้อมกันทีเดียว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ สวมหมวกสองใบอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อที่ประชุมเห็นชอบทั้งหมด จึงจะออกเป็นมติที่แยกจากกันระหว่าง คสช.กับ ครม.ออกจากกัน
หรืออีกรูปแบบหนึ่งคือ อาจเริ่มการประชุมเฉพาะ คสช.ให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงต่อด้วยการประชุมเฉพาะ ครม. แต่ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าทั้ง ครม.และ คสช.อยู่ร่วมประชุมพิจารณาพร้อมกัน จะทำให้ง่ายขึ้น เนื่องจากรายชื่อบุคคลที่เป็นโควต้าของทั้ง 2 ส่วนนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกัน และวันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องส่งชื่อผู้เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
นายวิษณุ กล่าวว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ต้องมีการหารือมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้เวลาหารือกันมาก ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องเป็นการหารือนอกรอบ เพราะอาจเป็นการพูดคุยกันระหว่างการรับประทานอาหาร หรือโทรศัพท์ปรึกษากันก็ได้ ทั้งนี้ ในส่วนของตน คงไม่มีการเสนอชื่อบุคคล แต่จะรับฟังการเสนอของนายกรัฐมนตรีแล้วให้ความเห็นประกอบการพิจารณา
หรืออีกรูปแบบหนึ่งคือ อาจเริ่มการประชุมเฉพาะ คสช.ให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงต่อด้วยการประชุมเฉพาะ ครม. แต่ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าทั้ง ครม.และ คสช.อยู่ร่วมประชุมพิจารณาพร้อมกัน จะทำให้ง่ายขึ้น เนื่องจากรายชื่อบุคคลที่เป็นโควต้าของทั้ง 2 ส่วนนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกัน และวันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องส่งชื่อผู้เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
นายวิษณุ กล่าวว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ต้องมีการหารือมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้เวลาหารือกันมาก ซึ่งไม่จำเป็นที่ต้องเป็นการหารือนอกรอบ เพราะอาจเป็นการพูดคุยกันระหว่างการรับประทานอาหาร หรือโทรศัพท์ปรึกษากันก็ได้ ทั้งนี้ ในส่วนของตน คงไม่มีการเสนอชื่อบุคคล แต่จะรับฟังการเสนอของนายกรัฐมนตรีแล้วให้ความเห็นประกอบการพิจารณา