วันนี้ (19 ต.ค.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านการทุจริต และโครงการดู "Cheat don’t cheat" เป็นวัยรุ่นต้องกล้าโชว์ ใจฮีโร่ต่อต้านโกง ภายใต้โครงการยุวทูต ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ภายในงานมีการเสวนา หัวข้อ เมื่อการทุจริตมีรอบตัว รัฐหรือเราที่ต้องแก้ โดยนายวิชา กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยเป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยไม่พัฒนา ดังนั้น การสร้างค่านิยมให้ตระหนักถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน จึงต้องสร้างให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดีก่อน เพราะเยาวชนก็จะไปขยายแนวคิดการต่อต้านการทุจริตในสถาบันการศึกษา โดยสังคมปัจจุบันมักจะดูถูกเยาวชน โดยตกเป็นเป้าของปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นอยู่เสมอ เช่น การกล่าวหาว่าเยาวชนมักจะทุจริตการสอบ เป็นต้น
ปัจจุบันคดีทุจริตไม่ลดลง แต่สูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากคดีมากมายแล้วยังมีความซับซ้อน เช่น การทุจริตเชิงนโยบาย อาทิ การทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ คนคิดต้องเรียกว่าสุดยอดของความชั่วร้าย ทำให้เงินที่รัฐจ่ายไป 7 แสนล้านบาท หายไปเข้ากระเป๋าพรรคพวก ถือเป็นการโกงที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเอาชนะการโกงที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้เลย เพราะเป็นกระบวนการที่มีความรู้ความชำนาญ ดังนั้น คนที่ทำหน้าที่ไต่สวนต้องมีความเชี่ยวชาญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นหาไม่เจอว่าเงินหายไปไหน
นายวิชา กล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร ป.ป.ช.ก็ไม่สนใจ เพราะ เราไม่สามารถปรองดองกับใคร ได้ เพราะ ป.ป.ช.มีหน้าที่จัดการการทุจริตตามกฎหมาย คนที่ต้องการทำการปรองดองทางการเมืองก็ทำไป แต่ไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช แน่นอน ส่วนเรื่องทั้งหมดจะไปจบที่ไหนก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ
ทั้งนี้ ภายในงานมีการเสวนา หัวข้อ เมื่อการทุจริตมีรอบตัว รัฐหรือเราที่ต้องแก้ โดยนายวิชา กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยเป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยไม่พัฒนา ดังนั้น การสร้างค่านิยมให้ตระหนักถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน จึงต้องสร้างให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดีก่อน เพราะเยาวชนก็จะไปขยายแนวคิดการต่อต้านการทุจริตในสถาบันการศึกษา โดยสังคมปัจจุบันมักจะดูถูกเยาวชน โดยตกเป็นเป้าของปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นอยู่เสมอ เช่น การกล่าวหาว่าเยาวชนมักจะทุจริตการสอบ เป็นต้น
ปัจจุบันคดีทุจริตไม่ลดลง แต่สูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากคดีมากมายแล้วยังมีความซับซ้อน เช่น การทุจริตเชิงนโยบาย อาทิ การทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ คนคิดต้องเรียกว่าสุดยอดของความชั่วร้าย ทำให้เงินที่รัฐจ่ายไป 7 แสนล้านบาท หายไปเข้ากระเป๋าพรรคพวก ถือเป็นการโกงที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเอาชนะการโกงที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้เลย เพราะเป็นกระบวนการที่มีความรู้ความชำนาญ ดังนั้น คนที่ทำหน้าที่ไต่สวนต้องมีความเชี่ยวชาญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นหาไม่เจอว่าเงินหายไปไหน
นายวิชา กล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร ป.ป.ช.ก็ไม่สนใจ เพราะ เราไม่สามารถปรองดองกับใคร ได้ เพราะ ป.ป.ช.มีหน้าที่จัดการการทุจริตตามกฎหมาย คนที่ต้องการทำการปรองดองทางการเมืองก็ทำไป แต่ไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช แน่นอน ส่วนเรื่องทั้งหมดจะไปจบที่ไหนก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ
