นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 250 คน ที่ออกมาทางรัฐบาลคาดหวังว่า จะมาช่วยการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน ซึ่งกระบวนการที่สำคัญของ สปช.จากนี้ไป คือ การตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จคาดว่า 6 เดือน เพื่อนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีคนบางกลุ่มที่คัดค้าน และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากยืนยันว่า รัฐบาลได้พยายามดึงทุกกลุ่มเข้ามาร่วม แต่ก็ไม่รับความร่วมมือ เช่นบางคนมีคดีความจึงไม่สามารถแต่งตั้งเป็น สปช.ได้
นายยงยุทธ กล่าวว่า ทางรัฐบาลยินดีที่จะให้คู่ขัดแย้งทุกกลุ่มการเมืองตั้งเวทีคู่ขนานตรวจสอบการทำงานของ สปช.ได้ เพราะเห็นว่าการจัดเวทีดังกล่าวจะช่วยเตือนสติในการทำงานของรัฐบาล และรัฐบาลทราบดีว่าแนวทางของ คสช.ไม่อาจทำให้ประชาชนเห็นด้วยได้ทั้งหมด แต่จะพยายามให้คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ อีกทั้งยืนยันว่า แนวทางการทำงานระหว่าง สปช.และ สนช.เป็นการทำงานที่ใกล้ชิดในการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ถือเป็นนวัตกรรมในการทำงานบริหารประเทศ
นอกจากนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับ คสช.นัดแรกในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านสังคมจะรายงานแผนงานการบูรณาการ 4 กระทรวง อาทิ แผนงานการประสานสวัสดิการทางการแพทย์ ซึ่งจะดูแลเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาชนให้ได้รับประโยชน์ ในการรักษาสุขภาพและสาธารณสุขอย่างเป็นระบบพร้อมรายงานความคืบหน้าการปฎิรูปการศึกษา ด้วยการผลักดันการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษาผ่านดาวเทียม และการขยายเครือข่ายการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะเร่งดำเนินให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 2-3 เดือนนี้ พร้อมกับเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันความรู้บนมือถือ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมความรู้ให้กับชุมชนได้เข้าถึงการศึกษา ซึ่งจะเปิดตัวภายในเร็วๆ นี้เช่นกัน
ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีคนบางกลุ่มที่คัดค้าน และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากยืนยันว่า รัฐบาลได้พยายามดึงทุกกลุ่มเข้ามาร่วม แต่ก็ไม่รับความร่วมมือ เช่นบางคนมีคดีความจึงไม่สามารถแต่งตั้งเป็น สปช.ได้
นายยงยุทธ กล่าวว่า ทางรัฐบาลยินดีที่จะให้คู่ขัดแย้งทุกกลุ่มการเมืองตั้งเวทีคู่ขนานตรวจสอบการทำงานของ สปช.ได้ เพราะเห็นว่าการจัดเวทีดังกล่าวจะช่วยเตือนสติในการทำงานของรัฐบาล และรัฐบาลทราบดีว่าแนวทางของ คสช.ไม่อาจทำให้ประชาชนเห็นด้วยได้ทั้งหมด แต่จะพยายามให้คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ อีกทั้งยืนยันว่า แนวทางการทำงานระหว่าง สปช.และ สนช.เป็นการทำงานที่ใกล้ชิดในการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ถือเป็นนวัตกรรมในการทำงานบริหารประเทศ
นอกจากนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับ คสช.นัดแรกในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านสังคมจะรายงานแผนงานการบูรณาการ 4 กระทรวง อาทิ แผนงานการประสานสวัสดิการทางการแพทย์ ซึ่งจะดูแลเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาชนให้ได้รับประโยชน์ ในการรักษาสุขภาพและสาธารณสุขอย่างเป็นระบบพร้อมรายงานความคืบหน้าการปฎิรูปการศึกษา ด้วยการผลักดันการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษาผ่านดาวเทียม และการขยายเครือข่ายการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะเร่งดำเนินให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 2-3 เดือนนี้ พร้อมกับเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันความรู้บนมือถือ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมความรู้ให้กับชุมชนได้เข้าถึงการศึกษา ซึ่งจะเปิดตัวภายในเร็วๆ นี้เช่นกัน
