ศ.คลินิก น.พ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า หลังจากที่โรงพยาบาลศิริราช ได้แถลงข่าวความสำเร็จของการวิจัยพบแอนติบอดีขนาดเล็กกว่าแอนติบอดีปกติถึง 5 เท่า หรือเรียกอีกอย่างว่า แอนติบอดีสายเดี่ยว และอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อยอด เพื่อการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาต่อไปนั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับอีเมลล์จาก Dr. Martin Friede หัวหน้าโครงการวิจัยอีโบลา ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความยินดีกับความสำเร็จของประเทศไทยในการพัฒนาแอนติบอดีที่สามารถยับยั้งการขยายจำนวนเชื้อไวรัสอีโบลาในเซลล์ของมนุษย์ ในระดับห้องปฏิบัติการได้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ และสามารถเปลี่ยนแปลงการรักษาเชื้อไวรัสอีโบลาได้ จึงอยากจะขอทำการพิสูจน์แอนติบอดีที่ใช้กับไวรัสปลอมที่ทางศิริราชพยาบาลสร้างขึ้นกับเชื้อไวรัสจริง ในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ4 ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากยีนส์ที่ศิริราชนำมาศึกษาทดลองนี้ เป็นยีนส์สังเคราะห์ เพื่อความปลอดภัยและหากสามารถทดสอบแล้วพบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีก็จะนำไปสู่การพัฒนารักษาเชื้อไวรัสอีโบลาในคนได้ทันที โดยสามารถลดขั้นตอนการทดลองในสัตว์และคนได้ คาดว่าจะทำเรื่องรวบรวมเอกสารที่จำเป็น ตัวอย่างของแอนติบอดี้ และนักวิจัยของไทยบางส่วนไปร่วมทดสอบในสหรัฐอเมริกาได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับอีเมลล์จาก Dr. Martin Friede หัวหน้าโครงการวิจัยอีโบลา ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความยินดีกับความสำเร็จของประเทศไทยในการพัฒนาแอนติบอดีที่สามารถยับยั้งการขยายจำนวนเชื้อไวรัสอีโบลาในเซลล์ของมนุษย์ ในระดับห้องปฏิบัติการได้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ และสามารถเปลี่ยนแปลงการรักษาเชื้อไวรัสอีโบลาได้ จึงอยากจะขอทำการพิสูจน์แอนติบอดีที่ใช้กับไวรัสปลอมที่ทางศิริราชพยาบาลสร้างขึ้นกับเชื้อไวรัสจริง ในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ4 ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากยีนส์ที่ศิริราชนำมาศึกษาทดลองนี้ เป็นยีนส์สังเคราะห์ เพื่อความปลอดภัยและหากสามารถทดสอบแล้วพบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีก็จะนำไปสู่การพัฒนารักษาเชื้อไวรัสอีโบลาในคนได้ทันที โดยสามารถลดขั้นตอนการทดลองในสัตว์และคนได้ คาดว่าจะทำเรื่องรวบรวมเอกสารที่จำเป็น ตัวอย่างของแอนติบอดี้ และนักวิจัยของไทยบางส่วนไปร่วมทดสอบในสหรัฐอเมริกาได้ภายใน 2-3 สัปดาห์