ประธานาธิบดียูเครนเผยเมื่อวันพุธ(10ก.ย.) ว่ารัสเซียได้ถอนทหารส่วนใหญ่ออกจากประเทศของเขาแล้ว เพิ่มความหวังว่าแผนสันติภาพที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ตอนนี้กำลังได้ผลในการหยุดยั้งความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือนและคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3,000 ศพ
แม้รัสเซียปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ส่งทหารเข้าไปยังภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อสนับสนุนฝ่ายกบฏนิยมมอสโกต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลยูเครน แต่เคียฟและชาติตะวันตกยืนยันมีหลักฐานชัดเจนในทางตรงกันข้าม
เปโตร โปโรเชนโก บอกกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ว่ายูเครนจะยังคงเป็นประเทศที่มีอำนาจปธิปไตยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้เงื่อนไขของโรดแมปสันติภาพที่เห็นชอบเมื่อวันศุกร์(5ก.ย.) แต่ยอมรับว่าบางพื้นที่ของภาคตะวันอกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏอาจได้รับสถานะพิเศษ
"จากข้อมูลล่าสุดที่ผมได้รับจากหน่วยข่าวกรองของเรา ร้อยละ 70 ของทหารรัสเซีย ตอนนี้ได้เคลื่อนพลข้ามพรมแดนกลับไปแล้ว" เขากล่าว "มันเพิ่มความหวังต่อแนวโน้มในแง่ดีของการริเริ่มสันติภาพ" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีบอกว่าการยืนหยัดตามข้อตกลงหยุดยิง พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าพวกก่อการร้ายยังพยายามยั่วยุกองกำลังเคียฟอย่างไม่ลดละ
ข้อมูลของทหารยูเครน พบว่ามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างน้อย 6 ครั้งเมื่อคืนวันอังคาร(9ก.ย.) แต่ก็ไม่มีผู้เสียชีวิตใดๆ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่การหยุดยิงมีผลบังคับใช้เป็นต้นมา มีทหาร 5 นายถูกสังหาร ขณะเดียวกันก็มีพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิตช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเหตุปะทะมีเมืองมาริอูโพล
นายโปโรเชนโก ยอมรับว่ากองกำลังยูเครนกำลังระดมพลใหม่ทางภาคตะวันออก แต่ไม่ได้เตรียมปฏิบัติการจู่โจมฝ่ายกบฏตามที่พวกแบ่งแยกดินแดนกล่าวอ้าง โดยชี้แจงว่ามีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอาณาเขตจากความเป็นไปได้ที่อาจถูกโจมตีเท่านั้น
แม้รัสเซียปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ส่งทหารเข้าไปยังภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อสนับสนุนฝ่ายกบฏนิยมมอสโกต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลยูเครน แต่เคียฟและชาติตะวันตกยืนยันมีหลักฐานชัดเจนในทางตรงกันข้าม
เปโตร โปโรเชนโก บอกกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ว่ายูเครนจะยังคงเป็นประเทศที่มีอำนาจปธิปไตยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้เงื่อนไขของโรดแมปสันติภาพที่เห็นชอบเมื่อวันศุกร์(5ก.ย.) แต่ยอมรับว่าบางพื้นที่ของภาคตะวันอกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏอาจได้รับสถานะพิเศษ
"จากข้อมูลล่าสุดที่ผมได้รับจากหน่วยข่าวกรองของเรา ร้อยละ 70 ของทหารรัสเซีย ตอนนี้ได้เคลื่อนพลข้ามพรมแดนกลับไปแล้ว" เขากล่าว "มันเพิ่มความหวังต่อแนวโน้มในแง่ดีของการริเริ่มสันติภาพ" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีบอกว่าการยืนหยัดตามข้อตกลงหยุดยิง พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าพวกก่อการร้ายยังพยายามยั่วยุกองกำลังเคียฟอย่างไม่ลดละ
ข้อมูลของทหารยูเครน พบว่ามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างน้อย 6 ครั้งเมื่อคืนวันอังคาร(9ก.ย.) แต่ก็ไม่มีผู้เสียชีวิตใดๆ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่การหยุดยิงมีผลบังคับใช้เป็นต้นมา มีทหาร 5 นายถูกสังหาร ขณะเดียวกันก็มีพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิตช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเหตุปะทะมีเมืองมาริอูโพล
นายโปโรเชนโก ยอมรับว่ากองกำลังยูเครนกำลังระดมพลใหม่ทางภาคตะวันออก แต่ไม่ได้เตรียมปฏิบัติการจู่โจมฝ่ายกบฏตามที่พวกแบ่งแยกดินแดนกล่าวอ้าง โดยชี้แจงว่ามีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอาณาเขตจากความเป็นไปได้ที่อาจถูกโจมตีเท่านั้น