นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิด เปิดเผยว่า ขณะที่การเปิดต่ออายุโควตาสลาก 43 ล้านฉบับ กับผู้ค้ารายย่อย 3 หมื่นราย จนถึง 31 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ มีผู้ที่ไม่ต่อสัญญาจำนวน 326 ราย และมีกลุ่มมูลนิธิ สมาคม ไม่มาต่อสัญญา 7 ราย ในจำนวนนี้จะนำสลากที่ได้ต่อสัญญา รวมกับสลากที่ไม่มีผู้มารับและจัดสรรให้แก่รายย่อยที่ลงทะเบียนไว้ทันทีหลังวันที่ 8 กันยายนนี้เช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมานี้ มีผู้มาลงทะเบียนแจ้งความจำนงขอรับโควตาสลากไปจำหน่ายจำนวน 1.2 แสนราย ขณะนี้ยังสามารถลงทะเบียนขอรับโควตาได้ถึงวันที่ 5 กันยายน ซึ่งผู้ที่มาลงทะเบียนไว้นี้จะได้รับการสุ่มเพื่อรับโควตาที่เหลือหลังวันที่ 8 กันยายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรับสลากไปขาย
อย่างไรก็ดีในส่วนผู้ที่มาลงทะเบียนไว้และยังไม่ได้ จัดสรรโควตาในครั้งแรกนี้ จะยังมีโอกาสจะได้รับการจัดสรรอีกรอบในเดือนตุลาคม 2557 ที่สลากของกลุ่มนิติบุคคลหมดอายุโควตา 2.7 ล้านฉบับ โดยมีแนวคิดเบื้องต้นที่จะไม่ต่ออายุให้กลุ่มนิติบุคคลดังกล่าว และจะนำโควตาสลากดังกล่าวมาจัดสรรให้รายย่อยที่มาลงทะเบียนไว้ โดยจะจัดสรรให้คนละไม่เกิน 10 เล่ม
สำหรับแนวทาการให้โควตาต่อไปนี้ จะเน้นไปที่รายย่อยที่ต้องการสลากไปขายจริงๆ ส่วนรายใหญ่นั้นจะต้องมาพิจารณา กันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เมื่อให้โควตารายย่อยไปแล้วจะมีกระบวนการตรวจสอบการนำไปขายอย่างเข้มงวดตามสัญญาที่สลากมีอยู่ ซึ่งสัญญาที่กำหนดไว้นั้นเข้มงวดทั้งเรื่องห้ามขายเกินราคา ต้องนำไปขายเอง ห้ามขายต่อ แต่การบังคับใช้ยังไม่เข้มงวดนัก ดังนั้นครั้งนี้สำนักงานสลากฯ ต้องดำเนินการให้ผู้ค้าปฏิบัติตามสัญญาอย่างจริงจัง หากไม่ทำตามยึดโควตาทันที
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า ในขณะเดียวกัน สำนักงานสลากฯ จะเข้มงวดในการตรวจสอบการขายสลาก และนำสลากที่ยึดคืนมานั้นกระจายให้รายย่อยที่ต้องการต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป จะขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกำลังพิจารณาขอความร่วมมือไปยังทหารทั่วประเทศ ในการเข้าไปช่วยตรวจสอบราคาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของผู้ที่ได้รับโควตาว่าเป็นไปตามราคาทดสอบที่สำนักงานสลากฯ กำหนดไว้ว่าต้องขายไม่เกิน 90 บาทหรือไม่ หากตรวจพบผู้รายขายเกินราคา 2 ครั้งติดต่อกันจะยึดโควตาคืนทันที
“ที่ได้โควตาไปถ้าขายในราคา 90 บาทได้กำไร 15-16 บาทต่อใบนั้นน่าจะอยู่ได้ เพราะรับจากสำนักงานสลากฯ ในราคา 74.40 บาทเท่านั้น ส่วนรายใดที่ไม่ได้โควตา แต่นำขายเกินราคา ผู้ที่รับโควตาในหมายเลขไปต้องรับผิดชอบด้วยเนื่องจากข้อกำหนดชัดเจนว่ารับโควตาไปแล้วควรขายเอง ไม่ใช่ไปขายต่อ สำนักงานสลากฯ สามารถตรวจสอบย้อนกลับจากหมายเลขสลากได้ทันที”
อย่างไรก็ดีในส่วนผู้ที่มาลงทะเบียนไว้และยังไม่ได้ จัดสรรโควตาในครั้งแรกนี้ จะยังมีโอกาสจะได้รับการจัดสรรอีกรอบในเดือนตุลาคม 2557 ที่สลากของกลุ่มนิติบุคคลหมดอายุโควตา 2.7 ล้านฉบับ โดยมีแนวคิดเบื้องต้นที่จะไม่ต่ออายุให้กลุ่มนิติบุคคลดังกล่าว และจะนำโควตาสลากดังกล่าวมาจัดสรรให้รายย่อยที่มาลงทะเบียนไว้ โดยจะจัดสรรให้คนละไม่เกิน 10 เล่ม
สำหรับแนวทาการให้โควตาต่อไปนี้ จะเน้นไปที่รายย่อยที่ต้องการสลากไปขายจริงๆ ส่วนรายใหญ่นั้นจะต้องมาพิจารณา กันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เมื่อให้โควตารายย่อยไปแล้วจะมีกระบวนการตรวจสอบการนำไปขายอย่างเข้มงวดตามสัญญาที่สลากมีอยู่ ซึ่งสัญญาที่กำหนดไว้นั้นเข้มงวดทั้งเรื่องห้ามขายเกินราคา ต้องนำไปขายเอง ห้ามขายต่อ แต่การบังคับใช้ยังไม่เข้มงวดนัก ดังนั้นครั้งนี้สำนักงานสลากฯ ต้องดำเนินการให้ผู้ค้าปฏิบัติตามสัญญาอย่างจริงจัง หากไม่ทำตามยึดโควตาทันที
นายสมชัยกล่าวต่อไปว่า ในขณะเดียวกัน สำนักงานสลากฯ จะเข้มงวดในการตรวจสอบการขายสลาก และนำสลากที่ยึดคืนมานั้นกระจายให้รายย่อยที่ต้องการต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป จะขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกำลังพิจารณาขอความร่วมมือไปยังทหารทั่วประเทศ ในการเข้าไปช่วยตรวจสอบราคาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของผู้ที่ได้รับโควตาว่าเป็นไปตามราคาทดสอบที่สำนักงานสลากฯ กำหนดไว้ว่าต้องขายไม่เกิน 90 บาทหรือไม่ หากตรวจพบผู้รายขายเกินราคา 2 ครั้งติดต่อกันจะยึดโควตาคืนทันที
“ที่ได้โควตาไปถ้าขายในราคา 90 บาทได้กำไร 15-16 บาทต่อใบนั้นน่าจะอยู่ได้ เพราะรับจากสำนักงานสลากฯ ในราคา 74.40 บาทเท่านั้น ส่วนรายใดที่ไม่ได้โควตา แต่นำขายเกินราคา ผู้ที่รับโควตาในหมายเลขไปต้องรับผิดชอบด้วยเนื่องจากข้อกำหนดชัดเจนว่ารับโควตาไปแล้วควรขายเอง ไม่ใช่ไปขายต่อ สำนักงานสลากฯ สามารถตรวจสอบย้อนกลับจากหมายเลขสลากได้ทันที”
