นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงมาตรการสำคัญตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในปราบปรามการลักลอบนำมือถือและยาเสพติดภายในเรือนจำ โดยการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กรมราชทัณฑ์ มีมติไล่ออกข้าราชการกรมราชทัณฑ์ 14 ราย ภายหลังสืบทราบว่ามีส่วนพัวพันกับยาเสพติดและการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปภายในเรือนจำ
ผู้ถูกลงโทษดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งชำนาญการ ปฏิบัติการ และปฏิบัติงาน โดยกระทำความผิดในลักษณะต่างๆ เช่น ถูกเจ้าพนักงานอื่นจับกุมในข้อหาครอบครองยาเสพติด 3 ราย ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามอื่น เข้าในเรือนจำ 10 ราย ละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 15 วัน 1 ราย
การดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการเหล่านี้ ล้วนปรากฏทางหลักฐานชัดเจน อ.ก.พ.กรมฯ จึงมีมติไล่ออกจากราชการ ซึ่งการดำเนินการทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เป็นนโยบายสำคัญของกรมราชทัณฑ์ ในการปราบปรามยาเสพติด และการลักลอบนำโทรศัพท์เข้ามาภายในเรือนจำให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีการลงโทษข้าราชการที่ทำผิดด้วยการไล่ออกแล้ว 9 ราย สั่งให้ออก 7 ราย และย้ายเรือนจำ 51 ราย ยังไม่รวมถึงการลงโทษด้วยวิธีการอื่น เช่น กักบริเวณ เพิ่มเวรยาม และการขัง ตามพ.ร.บ.วินัยข้าราชการราชทัณฑ์ พ.ศ.2482
ผู้ถูกลงโทษดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งชำนาญการ ปฏิบัติการ และปฏิบัติงาน โดยกระทำความผิดในลักษณะต่างๆ เช่น ถูกเจ้าพนักงานอื่นจับกุมในข้อหาครอบครองยาเสพติด 3 ราย ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามอื่น เข้าในเรือนจำ 10 ราย ละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 15 วัน 1 ราย
การดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการเหล่านี้ ล้วนปรากฏทางหลักฐานชัดเจน อ.ก.พ.กรมฯ จึงมีมติไล่ออกจากราชการ ซึ่งการดำเนินการทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เป็นนโยบายสำคัญของกรมราชทัณฑ์ ในการปราบปรามยาเสพติด และการลักลอบนำโทรศัพท์เข้ามาภายในเรือนจำให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีการลงโทษข้าราชการที่ทำผิดด้วยการไล่ออกแล้ว 9 ราย สั่งให้ออก 7 ราย และย้ายเรือนจำ 51 ราย ยังไม่รวมถึงการลงโทษด้วยวิธีการอื่น เช่น กักบริเวณ เพิ่มเวรยาม และการขัง ตามพ.ร.บ.วินัยข้าราชการราชทัณฑ์ พ.ศ.2482