พิษณุโลก - ผู้ว่าฯ สนธิกำลังทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. ตชด.31 จู่โจมค้นเรือนจำกลางพิษณุโลกกลางดึก พบโทรศัพท์มือถือกว่าครึ่งร้อย แถมทั้งไอโฟน-โน้ต 3 พ่วงยาเสพติด และอาวุธมีดเกลื่อน พร้อมพบเอทีเอ็ม สมุดรายชื่อการยืมเงินด้วย
เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันนี้ (3 ส.ค.) นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนางพรพิตร นรภูมิพิภัชน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บัญชาการกองทหารราบที่ 4 กองทัพภาคที่ 3, พล.ต.ชฏิล พรหมไพบูลย์ ผบก.ภ.พิษณุโลก ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร, ตำรวจ, ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 31, เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด, เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และฝ่ายพลเรือน กว่า 400 นาย เข้าตรวจค้นเรือนจำกลางพิษณุโลก ตามนโยบายของ คสช. เพื่อหาสิ่งผิดกฎหมายในเรือนจำ ทั้ง 5 แดน
ผลการตรวจพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน 58 เครื่อง ในจำนวนนี้มีไอโฟน 5 จำนวน 5 เครื่อง , ซัมซุง โน้ต 3 จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นโทรศัพท์ที่มีราคาแพงมากในคุก นอกจากนี้ยังพบยาไอซ์ และอุปกรณ์เสพจำนวนหนึ่ง, บุหรี่, สมุดบัญชีธนาคาร, สมุดรายชื่อการยืมเงิน, บัตรเอทีเอ็ม, อุปกรณ์การเล่นพนันไพ่-ลูกเต๋า และอาวุธมีด ที่ดัดแปลงจากอุปกรณ์ต่างๆ จำนวนกว่า 500 ชิ้น
นายระพีกล่าวว่า ทุกครั้งปัญหายาเสพติดเมื่อมีการขยายผลมักมีต้นตอมาจากเรือนจำ ซึ่ง คสช.ได้เน้นย้ำให้จัดการ และจัดระเบียบความเรียบร้อยในเรือนจำ จึงนำมาสู่ปฏิบัติการครั้งนี้ และผลจากที่พบสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการตรวจสอบที่มาที่ไป พร้อมกับขยายผลการลักลอบนำเข้ามาในเรือนจำอีกครั้ง ขณะที่ยาเสพติดทางเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเส้นทางการส่งยาเสพติดมาในเรือนจำได้อย่างไรด้วยเช่นกัน
นางพรพิตร นรภูมิพิภัชน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า หลังจากตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายในเรือนจำได้จำนวนมากนั้น ส่วนใหญ่นักโทษจะนำเข้ามาในเรือนจำทางทวารหนัก โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบได้ยาก อนาคตทางกรมราชทัณฑ์จะต้องกำชับให้เจ้าหน้าที่เคร่งครัดผู้ต้องขังให้มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลานำตัวไปขึ้นศาลพิจารณาคดี อีกทั้งต้องหามาตรการเข้มงวดการป้องกันการโยนสิ่งของเข้ามาในเรือนจำอีกด้วย
“เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ทางเรือนจำกลางพิษณุโลกจะมีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีนักโทษสามารถใช้โทรศัพท์ได้อีก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง”
