สถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนา เรื่อง "การปฏิรูปประเทศไทย ดุลแห่งอำนาจ" ภายใต้โครงการสัมมนา "สู่ทศวรรษที่เก้า : ก้าวใหม่ของระบอบประชาธิปไตยไทย" เพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งนักการเมือง ผู้แทนส่วนราชการ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ เยาวชนและประชาชน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปเป็นแนวทางศึกษาวิจัยและนำผลการศึกษามาใช้ประโยชน์ในการหาทางออกแก้ปัญหาเรื่องดุลอำนาจ เพื่อให้ได้แนวทางปฏิรูปการเมืองในประเด็นดุลอำนาจ การเข้าสู่อำนาจของรัฐสภา แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เกิดการปฏิรูปที่สอดคล้องกับสังคมไทยอย่างแท้จริง
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวเปิดงานสัมมนา ว่า การที่ประเทศไทยต้องพูดถึงการปฏิรูปประเทศอย่างซ้ำซาก เพราะปัญหามีอยู่จริงและยาวนาน ดังนั้น การปฏิรูปจึงควรเริ่มจากการสำรวจความรู้ที่มีอยู่ว่า ที่ผ่านมามีการคิดหรือเสนอแนะอะไรมาบ้างแล้ว ไม่ใช่การเริ่มต้นคิดจากศูนย์ และการปฎิรูปที่แท้จริงจะต้องดูที่สาเหตุของปัญหา
ด้าน ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ราชบัณฑิต กล่าวว่า การปฏิรูปต้องเริ่มที่การศึกษาของบุคคล บุคคลต้องตระหนักรับรู้หน้าที่ และสังคมจะต้องมีความเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจ การแก้รัฐธรรมนูญโดยการทำประชามติทุกมาตราถือเป็นเรื่องที่ดีหากทำได้ ที่สำคัญต้องมีการหาข้อยุติการวางกรอบร่วมกันก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ความเสมมอภาค ความยุติธรรรม มนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าทุกฉบับที่มีมา เพราะให้อำนาจการถ่วงดุล แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ใช้ ไม่ใช่ตัวรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน เห็นว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในบางกรณี เสมือนการออกกฎหมายใหม่ เพราะตัดสินไม่สอดคล้องกับที่หลักการของกฎหมายกำหนด
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวเปิดงานสัมมนา ว่า การที่ประเทศไทยต้องพูดถึงการปฏิรูปประเทศอย่างซ้ำซาก เพราะปัญหามีอยู่จริงและยาวนาน ดังนั้น การปฏิรูปจึงควรเริ่มจากการสำรวจความรู้ที่มีอยู่ว่า ที่ผ่านมามีการคิดหรือเสนอแนะอะไรมาบ้างแล้ว ไม่ใช่การเริ่มต้นคิดจากศูนย์ และการปฎิรูปที่แท้จริงจะต้องดูที่สาเหตุของปัญหา
ด้าน ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ราชบัณฑิต กล่าวว่า การปฏิรูปต้องเริ่มที่การศึกษาของบุคคล บุคคลต้องตระหนักรับรู้หน้าที่ และสังคมจะต้องมีความเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจ การแก้รัฐธรรมนูญโดยการทำประชามติทุกมาตราถือเป็นเรื่องที่ดีหากทำได้ ที่สำคัญต้องมีการหาข้อยุติการวางกรอบร่วมกันก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ควรคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ความเสมมอภาค ความยุติธรรรม มนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าทุกฉบับที่มีมา เพราะให้อำนาจการถ่วงดุล แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ใช้ ไม่ใช่ตัวรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน เห็นว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในบางกรณี เสมือนการออกกฎหมายใหม่ เพราะตัดสินไม่สอดคล้องกับที่หลักการของกฎหมายกำหนด
