รายงานข่าวแจ้งว่า องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการไทยนำตัวผู้สังหารประชาชนอย่างน้อยสามคนมาลงโทษ จากเหตุการณ์ยิงระเบิดและกราดยิงใส่ที่ตั้งของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
รูเปิร์ต แอบบอต (Rupert Abbott) รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่า การโจมตีอย่างน่ารังเกียจในครั้งนี้สะท้อนภาพความรุนแรงทางการเมืองที่เข้มข้นครั้งล่าสุด ทางการต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย
“หากไม่สามารถสอบสวนการโจมตีครั้งนี้และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ย่อมส่งสัญญาณถึงการลอยนวลพ้นผิดในไทย และความเสี่ยงที่จะเกิดวงจรความชั่วร้ายที่เป็นการตอบโต้ด้วยความรุนแรงมากขึ้น ทั้งยังเป็นการปฏิเสธ ‘สิทธิด้านความยุติธรรม’ ของเหยื่อและครอบครัวอีกด้วย”
ทั้งนี้ เช้าวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 มีการโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย ได้บุกเข้าไปบริเวณที่ตั้งกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสามราย และบาดเจ็บกว่า 20 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่เลวร้ายลงของไทย โดยผู้ประท้วงต่างจัดการชุมนุมและมีการบุกเข้าไปในอาคารสถานที่ราชการเพื่อหวังจะโค่นรัฐบาล
"แกนนำทางการเมืองของทุกฝ่ายต้องมีความรับผิดชอบในการประกันว่าจะไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายจนควบคุมไม่ได้ และต้องแสดงท่าทีอย่างชัดเจนต่อผู้สนับสนุนของตนว่า ไม่อาจยอมรับให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ รวมทั้งที่มีสาเหตุมาจากความเห็นทางการเมือง และควรให้ความร่วมมือกับการสอบสวนเมื่อเกิดการละเมิดดังกล่าวขึ้น ส่วนกองกำลังฝ่ายความมั่นคงต้องให้การคุ้มครองอย่างเพียงพอต่อผู้ประท้วง และต้องเคารพและคุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิต สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบและสันติ และเสรีภาพในการแสดงออกด้วย” รูเปิร์ตกล่าว
ในช่วงปีนี้ได้เกิดเหตุความรุนแรงทางการเมืองหลายครั้งในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและบาดเจ็บหลายร้อยคน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุการณ์เหล่านี้โดยทันที อย่างรอบคอบ และอย่างไม่ลำเอียง
รูเปิร์ต แอบบอต (Rupert Abbott) รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่า การโจมตีอย่างน่ารังเกียจในครั้งนี้สะท้อนภาพความรุนแรงทางการเมืองที่เข้มข้นครั้งล่าสุด ทางการต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย
“หากไม่สามารถสอบสวนการโจมตีครั้งนี้และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ย่อมส่งสัญญาณถึงการลอยนวลพ้นผิดในไทย และความเสี่ยงที่จะเกิดวงจรความชั่วร้ายที่เป็นการตอบโต้ด้วยความรุนแรงมากขึ้น ทั้งยังเป็นการปฏิเสธ ‘สิทธิด้านความยุติธรรม’ ของเหยื่อและครอบครัวอีกด้วย”
ทั้งนี้ เช้าวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 มีการโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย ได้บุกเข้าไปบริเวณที่ตั้งกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสามราย และบาดเจ็บกว่า 20 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการเมืองที่เลวร้ายลงของไทย โดยผู้ประท้วงต่างจัดการชุมนุมและมีการบุกเข้าไปในอาคารสถานที่ราชการเพื่อหวังจะโค่นรัฐบาล
"แกนนำทางการเมืองของทุกฝ่ายต้องมีความรับผิดชอบในการประกันว่าจะไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายจนควบคุมไม่ได้ และต้องแสดงท่าทีอย่างชัดเจนต่อผู้สนับสนุนของตนว่า ไม่อาจยอมรับให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ รวมทั้งที่มีสาเหตุมาจากความเห็นทางการเมือง และควรให้ความร่วมมือกับการสอบสวนเมื่อเกิดการละเมิดดังกล่าวขึ้น ส่วนกองกำลังฝ่ายความมั่นคงต้องให้การคุ้มครองอย่างเพียงพอต่อผู้ประท้วง และต้องเคารพและคุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิต สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบและสันติ และเสรีภาพในการแสดงออกด้วย” รูเปิร์ตกล่าว
ในช่วงปีนี้ได้เกิดเหตุความรุนแรงทางการเมืองหลายครั้งในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและบาดเจ็บหลายร้อยคน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุการณ์เหล่านี้โดยทันที อย่างรอบคอบ และอย่างไม่ลำเอียง