นายฉัตรแก้ว โพธิทองนาค รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา อุณหภูมิในกรุงเทพฯ เริ่มมีอากาศร้อนมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถเมล์ปรับอากาศเพิ่ม โดยปรากฏว่ามีผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 465,862 คน ส่วนรถเมล์ธรรมดา (รถร้อน) มีผู้ใช้บริการที่ประมาณ 382,827 คน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2557 มีผู้ใช้บริการรถเมล์ปรับอากาศเพียง 392,846 ราย ขณะที่ผู้ใช้บริการรถเมล์ธรรมดาอยู่ที่ 386,824 ราย โดยรายได้จากค่าโดยสารของรถปรับอากาศที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่งผลให้ ขสมก.มีรายได้เพิ่มขึ้นถึงวันละ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ขสมก.จึงมีการปรับเพิ่มรถเมล์ปรับอากาศให้วิ่งให้ถี่มากขึ้น และหากเส้นทางใดที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก ขสมก.จะเพิ่มรถเข้าไปวิ่งเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อถึงช่วงปลายเมษายน จะมีปริมาณประชาชนใช้เพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ประชาชนหันมาใช้รถเมล์ปรับอากาศในช่วงนี้ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว และราคาระหว่างรถเมล์ปรับอากาศและรถเมล์ธรรมดาไม่ต่างกันมากนัก โดยรถเมล์ปรับอากาศราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 11 บาท และสูงสุด 23 บาท ทั้งนี้ ขสมก.ได้มีการตรวจเช็กสภาพแอร์สภาพรถเป็นประจำทุกวันเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขณะรับส่งผู้โดยสาร และเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่สะดวก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อถึงช่วงปลายเมษายน จะมีปริมาณประชาชนใช้เพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ประชาชนหันมาใช้รถเมล์ปรับอากาศในช่วงนี้ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว และราคาระหว่างรถเมล์ปรับอากาศและรถเมล์ธรรมดาไม่ต่างกันมากนัก โดยรถเมล์ปรับอากาศราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 11 บาท และสูงสุด 23 บาท ทั้งนี้ ขสมก.ได้มีการตรวจเช็กสภาพแอร์สภาพรถเป็นประจำทุกวันเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขณะรับส่งผู้โดยสาร และเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่สะดวก