สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศคว่ำบาตรต่อบุคคลวงในของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น แต่ยังไม่สามารถทำให้ผู้นำรัสเซียล้มเลิกความพยายามที่จะทำให้คาบสมุทรไครเมียของยูเครน กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียได้
แถลงการณ์ของทำเนียบขาว ระบุว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการต่อต้านรัสเซียที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามเย็น และเตือนว่า มาตรการดังกล่าวจะพุ่งเป้าด้านเศรษฐกิจในกรุงมอสโก หากรัสเซียยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนรัสเซียได้วางแผนทำให้ไครเมียกลับไปจงรักภักดีต่อรัสเซีย จากการลงคะแนนเสียงประชามติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งมีคะแนนสนับสนุนให้ไครเมียกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมากถึงร้อยละ 96
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัสเซีย 7 คน รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีดมิทรี โรโกซิน และชาวยูเครน 4 คนที่ถูกกล่าวหาว่าส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดเหตุรุนแรงในดินแดนยูเครน รวมทั้งอดีตประธานาธิบดีวิคตอร์ ยานูคอวิช ของยูเครนด้วย
แถลงการณ์ของทำเนียบขาว ระบุว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการต่อต้านรัสเซียที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามเย็น และเตือนว่า มาตรการดังกล่าวจะพุ่งเป้าด้านเศรษฐกิจในกรุงมอสโก หากรัสเซียยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดนี้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนรัสเซียได้วางแผนทำให้ไครเมียกลับไปจงรักภักดีต่อรัสเซีย จากการลงคะแนนเสียงประชามติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งมีคะแนนสนับสนุนให้ไครเมียกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมากถึงร้อยละ 96
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัสเซีย 7 คน รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีดมิทรี โรโกซิน และชาวยูเครน 4 คนที่ถูกกล่าวหาว่าส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดเหตุรุนแรงในดินแดนยูเครน รวมทั้งอดีตประธานาธิบดีวิคตอร์ ยานูคอวิช ของยูเครนด้วย
