นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้งแล้ว 27 จังหวัด รวม 145 อำเภอ 861 ตำบล 7,545 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร แม่ฮ่องสอน บุรีรัมย์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู สิงห์บุรี สระบุรี ชัยนาท ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี ตรัง สตูล กระบี่ และสุราษฎร์ธานี
พร้อมกันนี้ ยังได้สำรวจพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ประสบภัยแล้ง ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ จัดโซนนิ่งพื้นที่ประสบภัยแล้ง และวางมาตรการช่วยเหลือให้สอดคล้อง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำ และแจกจ่ายน้ำให้ทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ ให้ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด น้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอต่อการใช้งาน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ขณะที่เกษตรกรจะได้วางแผนเพาะปลูกพืชให้สอคดล้องกับปริมาณน้ำในพื้นที่ รวมถึงจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ ยังได้สำรวจพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ประสบภัยแล้ง ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ จัดโซนนิ่งพื้นที่ประสบภัยแล้ง และวางมาตรการช่วยเหลือให้สอดคล้อง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำ และแจกจ่ายน้ำให้ทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ ให้ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด น้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอต่อการใช้งาน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เร่งชี้แจงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ขณะที่เกษตรกรจะได้วางแผนเพาะปลูกพืชให้สอคดล้องกับปริมาณน้ำในพื้นที่ รวมถึงจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
