นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้งแล้ว 13 จังหวัด รวม 55 อำเภอ 357 ตำบล 3,150 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น ศรีสะเกษ สิงห์บุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และปราจีนบุรี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยผู้ประสบสถานการณ์ภัยแล้ง โดยได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องวางแนวทางการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนมีน้ำใช้อย่างพอเพียงตลอดช่วงหน้าแล้ง พร้อมประสานการจัดทำฝนหลวง เร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน รวมทั้งให้วางแผนเปิด-ปิดประตูน้ำ และปล่อยน้ำจากเขื่อนให้สัมพันธ์กันในช่วงระยะเวลาที่น้ำทะเลหนุน เพื่อไม่ให้น้ำประปาได้รับผลกระทบจากค่าความเค็มของน้ำทะเล
พร้อมกันนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ งดเว้นการทำนาปรัง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยผู้ประสบสถานการณ์ภัยแล้ง โดยได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องวางแนวทางการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนมีน้ำใช้อย่างพอเพียงตลอดช่วงหน้าแล้ง พร้อมประสานการจัดทำฝนหลวง เร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน รวมทั้งให้วางแผนเปิด-ปิดประตูน้ำ และปล่อยน้ำจากเขื่อนให้สัมพันธ์กันในช่วงระยะเวลาที่น้ำทะเลหนุน เพื่อไม่ให้น้ำประปาได้รับผลกระทบจากค่าความเค็มของน้ำทะเล
พร้อมกันนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ งดเว้นการทำนาปรัง