นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว 18 จังหวัด รวม 82 อำเภอ 488 ตำบล 4,105 หมู่บ้าน ได้แก่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก น่าน พะเยา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชัยภูมิ สิงห์บุรี สระบุรี ชัยนาท ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี และตรัง
ทั้งนี้ ได้สำรวจพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ประสบภัยแล้งในระดับหมู่บ้าน เพื่อจัดโซนนิ่งพื้นที่ประสบภัยแล้ง และวางมาตรการช่วยเหลือให้สอดคล้อง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำและแจกจ่ายน้ำทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ได้สำรวจพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ประสบภัยแล้งในระดับหมู่บ้าน เพื่อจัดโซนนิ่งพื้นที่ประสบภัยแล้ง และวางมาตรการช่วยเหลือให้สอดคล้อง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำและแจกจ่ายน้ำทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง