นายจักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันก่อสร้างแห่งประเทศไทย (สกส.) เปิดเผยถึงผลกระทบจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ขัดกับรัฐธรรมนูญ จึงทำให้โครงการนี้ต้องยุติลงว่าแม้โครงการนี้จะต้องยุติลงไป แต่หน่วยงานราชการต่างได้เตรียมปรับตัวนำบางส่วนของโครงการนี้เข้าสู่งบ เพื่อดำเนินการตามปกติแต่ละกระทรวง เนื่องจากในโครงการ 2 ล้านล้านบาท มีบางส่วนที่ถูกดึงลงมาลงทุนตามปกติ
ทั้งนี้ โครงการที่ลงทุนสูงยังคงต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินต่อไป ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 30-40 ของโครงการ 2 ล้านล้านบาท โดยส่วนที่ใช้งบประมาณมากที่สุดกว่าร้อยละ 60 จะมาจากรถไฟฟ้าความเร็วสุด ซึ่งต้องรอดูว่ารัฐบาลจะสามารถสานต่อโครงการนี้ต่อไปได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคเอกชน ส่วนที่กระทบมากที่สุด คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะบางรายได้เข้าไปซื้อที่ดินตามแนวเส้นทางคมนาคมในโครงการนี้แล้ว เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ซึ่งจะทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ทั้งนี้ โครงการที่ลงทุนสูงยังคงต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินต่อไป ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 30-40 ของโครงการ 2 ล้านล้านบาท โดยส่วนที่ใช้งบประมาณมากที่สุดกว่าร้อยละ 60 จะมาจากรถไฟฟ้าความเร็วสุด ซึ่งต้องรอดูว่ารัฐบาลจะสามารถสานต่อโครงการนี้ต่อไปได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคเอกชน ส่วนที่กระทบมากที่สุด คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะบางรายได้เข้าไปซื้อที่ดินตามแนวเส้นทางคมนาคมในโครงการนี้แล้ว เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ซึ่งจะทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น