“ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ” อวดกำไรงวดนี้ 1,733 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 59% ผลจากรับงานเพิ่ม และควบคุมค่าใช้จ่ายเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC แจ้งผลงานของบริษัท และะบริษัทย่อย งวดสิ้นปี 56 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,733.20 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนกำไรสุทธิ 1,095.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 637.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 58.14% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากงานที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยงวดนี้บริษัทมี และบริษัทย่อยมีรายได้รวมในปี 2556 เท่ากับ 22,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 2,779 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% ซึ่งป็นผลมาจากการที่บริษัท และบริษัทย่อยสามารถชนะการประมูลงานก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการขนส่งของภาครัฐ
สำหรับรายได้หลักที่สำคัญคือ รายได้จากการก่อสร้าง จำนวน 22,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,494 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13% กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 294 ล้านบาท และดอกเบี้ยรับ 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62%
ขณะที่ค่าใช้จ่าย บริษัท และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายรวมปี 2556 เท่ากับ 20,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 1,948 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เป็นผลมาจากต้นทุนงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นตามการรับรู้รายได้จากการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัท และบริษัทย่อยรับงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนก่อสร้างเพิ่มส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง และมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการก่อสร้าง 2,094 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 9.41% เพิ่มสูงจากปี 2555 ที่มีกำไรขั้นต้นจากการก่อสร้าง 1,643 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 8.32% ผลดีจากการควบคุมค่าใช้จ่าย
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC แจ้งผลงานของบริษัท และะบริษัทย่อย งวดสิ้นปี 56 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,733.20 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนกำไรสุทธิ 1,095.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 637.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 58.14% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากงานที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยงวดนี้บริษัทมี และบริษัทย่อยมีรายได้รวมในปี 2556 เท่ากับ 22,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 2,779 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% ซึ่งป็นผลมาจากการที่บริษัท และบริษัทย่อยสามารถชนะการประมูลงานก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการขนส่งของภาครัฐ
สำหรับรายได้หลักที่สำคัญคือ รายได้จากการก่อสร้าง จำนวน 22,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,494 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13% กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 294 ล้านบาท และดอกเบี้ยรับ 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62%
ขณะที่ค่าใช้จ่าย บริษัท และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายรวมปี 2556 เท่ากับ 20,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 1,948 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เป็นผลมาจากต้นทุนงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นตามการรับรู้รายได้จากการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัท และบริษัทย่อยรับงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนก่อสร้างเพิ่มส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง และมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการก่อสร้าง 2,094 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 9.41% เพิ่มสูงจากปี 2555 ที่มีกำไรขั้นต้นจากการก่อสร้าง 1,643 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 8.32% ผลดีจากการควบคุมค่าใช้จ่าย
