นายชุมพล ฐิติยารักษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการดูงานศูนย์ผลิตไฟฟ้าระบบทำความร้อนและความเย็นด้วยก๊าซธรรมชาติ ของบริษัทเอ็นเนอร์จี แอดวานซ์ ในเครือของโตเกียวแก๊ส กรุ๊ป ที่เมืองชินจุกุ ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงในการจัดหาพลังงาน เนื่องจากมีการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติในการนำมาผลิตไฟฟ้ามากถึงร้อยละ 70 ทำให้ต้องวางยุทธศาสตร์การกระจายแหล่งและชนิดเชื้อเพลิง เพื่อลดความเสี่ยง เสริมสร้างความมั่นคงด้านการผลิตไฟฟ้า
สำหรับการผลิตไฟฟ้าระบบทําความร้อนและความเย็นด้วยก๊าซธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นต้นแบบที่ดีในการนำความร้อนที่เหลือทิ้งในการเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติจากกระบวนการผลิตไฟฟ้ามาผลิตเป็นระบบทำความร้อนใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าหนาว และผลิตเป็นระบบทำความเย็นมาใช้ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนไทยได้นำระบบดังกล่าวมาใช้บางแล้ว เช่น ที่อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและสนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อว่าจะนำมาประยุกต์ใช้ในกรุงเทพมหานครได้ โดยบริษัทเอ็นเนอร์จี แอดวานซ์ พร้อมเข้ามาลงทุนให้บริการในรูปแบบดังกล่าวด้วย
สำหรับการผลิตไฟฟ้าระบบทําความร้อนและความเย็นด้วยก๊าซธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นต้นแบบที่ดีในการนำความร้อนที่เหลือทิ้งในการเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติจากกระบวนการผลิตไฟฟ้ามาผลิตเป็นระบบทำความร้อนใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าหนาว และผลิตเป็นระบบทำความเย็นมาใช้ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนไทยได้นำระบบดังกล่าวมาใช้บางแล้ว เช่น ที่อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและสนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อว่าจะนำมาประยุกต์ใช้ในกรุงเทพมหานครได้ โดยบริษัทเอ็นเนอร์จี แอดวานซ์ พร้อมเข้ามาลงทุนให้บริการในรูปแบบดังกล่าวด้วย