เอเอฟพี/มาร์เก็วอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้ (18) พุ่งแรง แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ผลกระทบจากอากาศหนาวปกคลุมสหรัฐฯ และความกังวลต่อเสถียรภาพในเหล่าชาติผู้ส่งออกหลัก ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว จากข้อมูลทางศรษฐกิจที่ผสมผสาน ขณะที่ทองคำปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สภาพอากาศหนาวเหน็บที่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ คือแรงขับเคลื่อนราคาน้ำมันในช่วงหลายสัปดาห์หลัง ด้วยสต๊อกน้ำมันทำความร้อนลดลงเรื่อยๆ บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่
นอกจากนี้แล้วนักวิเคราะห์ยังอ้างปัจจัยกำลังการผลิตที่ลดลงในไนจีเรีย ซูดานใต้และเวเนซุเอลา ชาติผู้ส่งออกหลัก ที่เวลานี้กำลังเผชิญความไม่แน่นอนสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (18) ปิดในกรอบแคบๆ ท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทที่ผสมผสานและความเชื่อมั่นของผู้ก่อสร้างบ้านที่ลดลงโดยไม่คาดคิดมาก่อน
ดาวโจนส์ ลดลง 24.28 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,130.11 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.10 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,840.73 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 28.76 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,272.78 จุด
หุ้นของเหล่าบริษัทก่อสร้างที่พักอาศัยตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐฯ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อาศัยลดลงสู่ระดับ 46 จุด ในเดือน ก.พ.จาก 56 จุดในเดือน ม.ค.เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย การขาดแคลนแรงงาน และที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด
นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีที่แล้วที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองต่อตลาดที่อยู่อาศัยในเชิงลบมากกว่าในเชิงบวก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีเดือน ก.พ.จะอยู่ที่ระดับ 56 จุด
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (18) ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่อ่อนแอในพื้นที่นิวยอร์ก ย้ำให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเปราะบาง และส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,324.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์